พูดคุยกับแพทย์อย่างเป็นส่วนตัว ผ่านแอพ Chiiwii
Guest
เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดอาการท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ วันละไม่ต่ำกว่าสามครั้ง เป็นเวลาสามวัน อุจจาระมีกลิ่นเหม็นเน่า หลังจากนั้นอาการท้องเสียหยุดลง แต่เริ่มมีเลือดซึมออกมาพร้อมกับอุจจาระ(ซึ่งเป็นอุจจาระสภาพปกติ) เมื่อถ่ายอุจจาระทุกวัน จะมีเลือดหยดลงมาปนทุกครั้ง และมีอาการแสบบริเวณรูทวาร แต่ไม่มีอาการอ่อนเพลียหรือผิดปกติใดๆ ไม่ทราบว่า ผมเป็นอะไรครับ จะต้องไปพบแพทย์หรือไม่ แล้วถ้าไม่พบแพทย์มีวิธีปฏิบัติตัวอย่างไรครับ
พญ.ฐิตินันท์
อาการแรกที่ท้องเสีย กลิ่นเหม็น น่าจะเกิดจากติดเชื้อ ส่วนอาการที่เป็นตอนหลัง มีเลือดปน อาจเกิดตาก เยื่อบุผนังทวารหนักได้รับความเสียหาย ตอนที่ถ่ายอุจจาระบ่อย ( เนื่องจากบอกว่า มีแสบรูทวารด้วย ) หากอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำ ให้เอาอุจจาระไปตรวจ และพบหมอศัลยกรรมทางเดินอาหาร เพื่อตรวจดู รูทวาร ว่ามีแผล หรือไม่ค่ะ
แนะนำ รับประทานอาหารอ่อน ไม่เผ็ด ไม่ทำให้ท้องผูก เพื่อให้ผนังทวารหนักฟื้นตัว
Read more comments...
Nizzy
คือ ดิฉันไปตรวจสุขภาพ เจาะเลือด ดูพวกค่าน้ำตาล ไขมัน ในเลือดมาค่ะ แล้วได้ค่า FBS = 92 , Total chol = 189 , LDL = 128 , HDL = 53 , TG = 40 ค่ะ คือทั้ง total chol กับ LDL มันก็ไม่ได้สูงนะคะ แต่มันก็สูงกว่าที่คิดไว้ เพราะว่าปกติดิฉันไม่กินอาหารที่มีไขมันเลยค่ะ ไม่ว่าจะผัด ทอด ย่าง หรืออะไรที่มีการใช้น้ำมัน ไม่กินเนื้อสัตว์ (ยกเว้นขนมทาโร่ที่มีเนื้อปลาเป็นส่วนผสมนิดหน่อย ค่ะ),ไม่กินไข่แดง , ไม่กินขนมหรือเบเกอรี่ อะไรเลย อ่อ แต่กินเมล็ดแตงโมห่อเล็ก ประมาณวันละ 1-2 ห่อ บ้างค่ะ จึงคิดว่าระดับไขมันพวกนี้น่าจะต่ำมาก (น้ำหนักก็ต่ำกว่าเกณฑ์ด้วยค่ะ ) แต่นี่สูงกว่าที่คิดไว้ค่ะ ปล.ดิฉันไม่ได้ออกกำลังกายเลยค่ะ เลยอยากเรียนถามคุณหมอว่าเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างคะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ
โดยปกติ ร่างกายมีการสร้างไขมันอยู่แล้วค่ะ เพื่อใช้ในการดำรงชีวิต
จากค่าผลเลือด พบว่าปกติ แบบค่อนต่ำ ซึ่งถือว่าดีแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ต่ำไปกว่านี้ค่ะ (หากไม่ได้เป็นเบาหวาน ซึ่งค่าน้ำตาล 98 แปลว่าไม่ได้เป็นเบาหวานค่ะ)
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นผลเลือด หรือน้ำหนัก ควรทำให้อยู่ในเกณฑ์ โดยไม่ต่ำไป และไม่สูงไป และแนะนำออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อความแข็งแรงของหัวใจ กระดูกและหล้ามเนื้อค่ะ
ออกกำลังกายแล้วมีอาการใจสั่น. เวียนศรีษะเคยไปพบหมอตรวจหาไทรอยด์ ผลเลือดปกติค่ะ
ใจสั่น ความจริงแล้ว ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ว่าเป็นใจเต้นแรง หรือ ใจเต้นเร็วค่ะลองสังเกตด้วยการจับชีพจรตัวเอง ว่าเต้นกี่ครั้งต่อนาที เต้นเป็นจังหวะเหมือนเข็มวินาทีเดิน ติ๊กๆๆๆ อย่างสม่ำเสมอหรือไม่หากมีอาการหัวใจเต้นเร็วมากกว่า120 ครั้งต่อนาที หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ เต้นไม่สม่ำเสมอ แนะนำให้ทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจตอนที่มีอาการ หากไปรพ. ตอนที่ไม่เกิดอาการ การทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจอาจไม่พบความผิดปกติค่ะหากตรวจเพิ่มเติมแล้วปกติ แนะนำออกกำลังกายสม่ำเสมอ 30 นาที ต่อครั้ง / 3-5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้หัวใจแข็งแรง
มีอาการพะอืดพะอมหลังจากทานของทอดของมัน รู้สึกเวียนศีรษะ เลี่ยนๆเอียนๆไม่อยากรับทานอาหารค่ะ เป็นมาสามวันแล้ว ไม่ทราบสาเหตุค่ะ
พญ.ณัฐวรรณ
หากมีอาการเช่นนี้หลังรับประทานอาหารมันเป็นๆ หายๆ มาก่อนหน้านี้ ร่วมกับปวดท้องบริเวณลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงซ้ายร่วมด้วย หมอแนะนำให้ไปตรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบน้ำดีค่ะ แต่หากมีอาการเช่นนี้เป็นครั้งแรกอาจเกิดจากอาหารไม่ย่อย แนะนำรับประทานยาขับลมหรือขิงร้อน ร่วมกับรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย อาการน่าจะดีขึ้นใน 2-3 วันค่ะ หากยังไม่ดีขึ้นคงต้องไปพบแพทย์
หารายการอาหารแนะนำจะเจอเฉพาะอาหารสำหรับคนเป็นโรคใดโรคหนึ่งเท่านั้น อย่กขอคำแนะนำรายการอาหารสำหรับคนที่เป็นทั้งสองโรค
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ คือ เลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูงและของแสลง
- อาหารพิวรีนสูง ที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ ถั่ว แอลกอฮอล์ เบียร์ ซุปก้อน
- ของแสลง ขึ้นกับบุคคล ต้องสังเกตเอง ว่ารับประทานอะไร แล้วเกิดข้ออักเสบกำเริบ เช่น ยอดของต้นอ่อน ถั่ว
อาหารผู้ป่วยโรคไต
- ควรลดเค็ม ไม่รับประทานเกลือ ซีอิ๊ว น้ำปลา ผงชูรส ซอสปรุงรสต่างๆ
- ควรถามแพทย์ว่าต้องลดโปรตีนหรือไม่ ขึ้นกับผู้ป่วยเป็นรายๆ เลี่ยงเนื้อวัว เนื้อสัตว์ติดมัน
- หากมีปัญหาโปแทสเซียมสูง ควรเลี่ยงผลไม้บางชนิด เช่น ส้ม กล้วย ฝรั่ง
หากเป็น 2 โรค ควรเลี่ยงอาหารที่ไม่ถูกกับทั้ง 2 โรคจ้า
ชัชวาล
รบกวนถามว่า ผมมีอาการกรดไหลย้อนมาที่ลำคอครับ และก็มีกระเพาะอักเสบเล็กน้อยจากการส่องกล้อง รักษามาประมาณ9เดือนครับ ด้วยยาลดกรดและปรับพฤติกรรม จนอาการดีขึ้นพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถึงกับหายขาดครับ ทีนี้มีคำถามคือ 1.มีอยู่วันนึงทานเยอะและมันมาก พอตอนนอนรู้สึกท้องอืดและมาปวดหน่วงๆเล็กน้อยที่ใต้ชายโครงขวา พอลุกมาทานยาแก้ท้องอืดและช่วยย่อยซักพักก็หาย สังเกตุว่าปีนึงจะเป็นอย่างนี้ซัก 1-2ครั้งหรืออาจจะน้อยกว่า หาข้อมูลดูมันค่อนข้างตรงกับอาการนิ่งถุงน้ำดี อีกทั้งคุณแม่และคุณน้าแท้ๆก็เคยเข้ารับการผ่าตัดถุงน้ำดีจากนิ่วแล้วทั้งคู่ เลยอยากประเมินว่าจำเป็นขนาดไหนที่จะต้องไปตรวจเพิ่มเติมมั้ยครับ ปล.ตอนนี้หลังจากปรัพฤติกรรมอาการดานกรดไหลย้อนและกระเพาะดีขึ้นพอควร แต่ด้วยอาชีพที่ทำงานไม่เป็นเวลาจึงไม่สามารถจะทานและขับถ่ายเป็นเวลาได้ครับ 2.ก่อนหน้ามีภาวะเครียดจากการประเมินของจิตแพทย์และมีอาการท้องผูก แต่พอทานไฟเบอร์ผง (fibiry) การขับถ่ายกลับเป็นปกติ ทานประมาณวันเว้นวัน อยากถามว่าไฟเบอร์มีอันตรายมั้ยถ้าทานประจำครับ 3.อีกทั้งตรวจร่ายกายล่าสุด ค่า HTC ในเลือดปีนี้ จากที่เคยอยู่ที่ประมาณ40มาเป็นอยู่ที่38.8 ไม่ทราบว่าต่ำไปมั้ยหรือเกี่ยวกับทานยาลดกรดด้วยรึเปล่าครับ(ผมเป็นพาหะธัลลัสซิเมีย รูปร่างเม็ดเลือดผิดปกติ)ด้วย ส่วนค่าHB 13.5 ครับ ปล. ช่วง 6เดือนที่ผ่านมาผมลด นน เผื่อให้ช่วยเรื่องกรดไหลย้อน โดยการออกกำลังกายโดยการวิ่งและลดอาหาร นน ลงมาประมาณ5-6 กก ครับ ขอบคุณครับผม
1 ปวดจุกท้องชายโครงขวา หากสงสัยนิ่ว ในถุงน้ำดี แนะนำตรวจเพิ่มเติมด้วยอัลตราซาวด์ค่ะ หากเจอนิ่ว แต่ไม่ได้มีถุงน้ำดีอักเสบ คงไม่ต้องผ่าตัด แนะนำให้งดของมัน และสังเกตอาการเป็นระยะๆ 2 ไฟเบอร์ผง ไม่แนะนำ หากเป็นไปได้ ควรรับประทานผักผลไม้จากธรรมชาติ ดีกว่าสารสังเคราะห์ค่ะ3. Hct 13 ถือว่าปกติค่ะ ไม่ต้องทำอะไรสิ่งที่น่าสังเกตคือ เป็นธาลัสซีเมีย และ นิ่ว ทั้งครอบครัว ลองปรึกษาหมอโรคเลือดนะคะ ว่านิ่วนี้ เกิดจากธาลัสซีเมียได้หรือไม่ค่ะ
มีอาการเท้าบวมจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน กรณีเช่นนี้เป็นเพราะอะไรค่ะ เกี่ยวกับระบบไตหรือเปล่า ขอบคุณค่ะ
เท้าบวมจากนั่งนาน สามารถเกิดได้เนื่องจากเลือดไปกองอยู่ส่วนล่าง มักเป็นตอนเย็นๆ หลังนั่งหรือยืนนาน
หากปัสสาวะปกติ ไม่มีปัสสาวะเป็นฟอง หรือมีหนังตาบวมหลังตื่นนอนตอนเช้า แนะนำ ตรวจ อัลบูมินในเลือด การทำงานของไต ตับ และปัสสาวะค่ะ
สวัสดีค่ะ สอบถามอาการทางสุขภาพ อาการที่เป็นคือ เรอบ่อยมาก ทั้งวัน รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ (ในบางที) ถ้ามื้อไหนกินมากๆ ก็จะอาเจียนออกมา (ไม่มาก) แล้วก็แสบท้องอยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทานอะไรเผ็ด การขับถ่ายปกติ น้ำหนักจาก 45 ลงมา 1 กิโลกรัม เคยเป็นโรคกระเพาะอักเสบ และเคยรักษากรดไหลย้อนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทานยาไป 2 อาทิตย์
อาการแสบท้อง กินแล้วท้องอืดต้องอาเจียน อาจเกิดจากกรดไหลย้อนหรือ หลอดอาหารไม่ค่อยบีบตัว ซึ่ง ถ้าอาการเป็นมาก หรือมีน้ำหนักลด แนะนำตรวจเพิ่มเติม เช่นส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร เพื่อดูว่ามีแผลหรือความผิดปกติของหลอดอาหารตลอดจนลำไส้เล็กส่วนต้นค่ะ
ผู้ป่วยเป็นหญิงอายุประมาณ82ปีตัดขาต่ำกว่าเข่านิดหน่อยเนื่องจากเบาหวานเกือบ5ปีปัสสาวะเองไม่ได้ต้องใช้ถุงมีความดันสูง หัวใจโต. น้ำท่วมปอด หมอบอกว่าไตปกติแต่ทำไมไม่สามารถปัสสาวะเองได้จะขอสวนตรวจอีกครั้ง ว่าเกิดจากอะไร ถ้าใส่ถุงไปนานๆจะเกิดภาวะติดเชื้อบ่อยขึ้นจนไม่สามารถรักษาได้ใช่ไหมค่ะ. เพราะเคยเปลี่ยนถุงเดือนละครั้งปัจจุบันเป็น2ครั้งต่อเดือน คนไข้เบาหวานที่ตัดขามักมีอายุไม่เกิน5ปีเกิดจากอะไรค่ะขอบคุณมากค่ะ
เบาหวาน หากคุมน้ำตาลไม่ดี มักมีผลแทรกซ้อน เป็นแผลที่เท้า ซึ่งเกิดจากเลือดไปเลี้ยงปลายเท้าไม่ดี หรือเส้นประสาทเสื่อม ทำให้แผลรักษาหายได้ยาก จนบางรายต้องถูกตัดเท้า หรือ ขา เพื่อไม่ให้การติดเชื้อลุกลามมากขึ้นผลแทรกซ้อนจากน้ำตาลที่สูงเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดกับระบบอื่น เช่น สมอง หัวใจ ลำไส้ หรือแม้แต่หูรูดที่ควบคุมการปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะไม่ออก รั่ว หรือเล็ด จนต้องใส่สายสวนเพื่อระบายปัสสาวะ อย่างไรก็ดี มีโอกาสติดเชื้อหากคาสายสวนนาน จึงแนะนำเปลี่ยนทุกเดือนหากไม่ต้องการคาสายสวน อาจใช้วิธี สวนทุก 6-8 ชั่วโมงค่ะ คนไข้เบาหวาน มักเสียชีวิตจากโรคแทรกค่ะ ดังนั้น ควบคุมระดับน้ำตาลตั้งแต่แรกเริ่มให้น้ำตาลปกติ จึงดีที่สุด
ไม่ปวดท้องถ่ายหนัก และท้องผูกร่วมด้วย ทานยาดูฟาแรกก็ถ่ายได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้สึกปวดท้องถ่าย มีอาการประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว ประกอบกับเจ็บช่องท้องด้านซ้ายเป็นระยะ (เจ็บเฉพาะเวลาไอ) สงสัยว่าเป็นพวกลำไส้อุดตันหรือลำไส้อักเสบหรือเปล่าคะ? ขอบคุณค่ะ
น่าจะเป็นอาการท้องผูกค่ะ ที่เจ็บท้องน้อยซ้ายอาจเกิดจากการเบ่งถ่าย หากเป็นลำไส้อักเสบจะมีอาการถ่ายเหลวร่วมกับปวดท้อง ส่วนลำไส้อุดตันจะมีอาการปวดท้องรุนแรงฉับพลัน ไม่ถ่าย ไม่ผายลม ถ้าไม่เคยมีอาการเช่นนี้มาก่อน เช่น เดิมถ่ายทุกวัน แต่เพิ่งมีอาการถ่ายยาก ท้องผูก อุจจาระเป็นลำเล็กลง หรือถ่ายมีเลือดปนร่วมด้วย แนะนำพบแพทย์ศัลยกรรมทางเดินอาหารเพื่อตรวจเพิ่มเติมค่ะ
สำเร็จ