พูดคุยกับแพทย์อย่างเป็นส่วนตัว ผ่านแอพ Chiiwii
Guest
ผมจะเป็นมะเร็งได้มั้ยครับ ควรตรวจอะไรต่อไป มีอาการควรทำอย่างไรต่อไปครับ
พญ.ฐิตินันท์
การเป็นมะเร็ง ขึ้นกับกรรมพันธุ์ พฤติกรรม และปัจจัยต่างๆอีกหลายประการ
ใจสั่นอย่างเดียว ไม่สามารถยืนยันว่าเป็นโรคมะเร็งหรือโรคอะไรค่ะ
การวินิจฉัยโรค อาศัยประวัติเป็นหลัก การตรวจร่างกายและการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เป็นการช่วยการยืนยันการวินิจฉัย
คงต้องมีข้อมูลมากกว่านี้นะคะ
Read more comments...
Kunchay
ปัจจุบัน อายุ 33 ปี มีคำถามจะถามหมอดังนี้ครับ 1.อาการลิ้นเปรี้ยว น้ำลายเปรี้ยว เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างครับ เป็นมา 3 เดือนไม่หายสักที (ก่อนหน้านี้ไอแบบหาสาเหตุไม่ได้มานาน ไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นภูมิแพ้ ไม่แน่ใจว่าเป็นกรดไหลย้อนรึป่าว) 2.ริดสีดวงทวารภายใน จะทำให้เกิดอาการเหมือนอยากถ่ายแต่ไม่ถ่ายได้รึเปล่าครับ ก่อนหน้านี้เป็นอยู่ประมาณ 2 อาทิต หลังจาก 2 อาทิตก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะหายเป็นปกติครับ 3.ที่ว่าอุจจาระมีเลือดปน ลักษณะของอุจจาระเป็นแบบไหนครับ จำเป็นต้องเหลวแล้วมีเลือดปนมารึเปล่า หรือ อุจจาระมีสีปกติอ่อนนุ่มปกติก็สามารถมีเลือดปนออกมาได้ครับ ไปตรวจมาหมดได้เอาอุปกรณ์ที่เป็นเหล็กมาส่องดูแล้วบอกว่าเป็นริดสีดวงครับ
1. น้ำลายเปรี้ยว เป็นจากกรดไหลย้อนได้
2. ริดสีดวง มักไม่มีอาการ ที่อาการอยากถ่าย แต่ไม่ถ่าย น่าจะเป็นเพราะอุจจาระใหญ่หรือแข็งไป เลยออกมาไม่ได้
3. ถ้าเอาเหล็กส่องแล้ว เจอริดสีดวง ให้รักษาตามที่แพทย์แนะนำเลยค่ะ ระวังอย่าให้ท้องผูก รับประทานผักเเละน้ำเปล่ามากๆ
ริดสีดวง เกิดจากท้องผูก อุจจาระที่แข็ง เลย ขูดผนังลำไส้ ทำให้มีเลือดออก
Natarit
เนื่องจากไปตรวจมามีอาการเบาหวานขึ้นตาเล็กน้อย และมีการลงไต อยากขอคำแนะนำเพิ่มเติม เห็นบอกว่าให้มาตรวจใหม่อีกที และมีโอกาสบรรเทาได้ครับ
การรักษาเบาหวาน เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น แผลที่เท้า เบาหวานขึ้นตา หรือเบาหวานลงไต
ถึงจะมีปัญหาที่ตาและไตแล้ว ก็ควรรักษาเบาหวาน คุมน้ำตาลให้ปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้นค่ะ
ด้งนั้น ควร
- คุมให้น้ำตาลสะสม HbA1c < 6.5% โดยดูจากน้ำตาลก่อนรักษา อาจต้องใช้ยาร่วมกันหลายตัว เพื่อให้ออกฤทธิ์ช่วยกันลดน้ำตาล ทั้งที่ ตับ กล้ามเนื้อ ลำไส้
- คุมความดัน และไขมัน ให้ปกติ
- ตรวจติดตามต่อเนื่อง
นกนางแอ่น
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอขอบคุณมากนะคะที่จัดบริการแบบนี้มาให้ค่ะ ดิฉันได้ทำการตรวจสุขภาพที่บริษัทพบว่า ผลการตรวจปัสสาวะมีค่าผิดปกติค่ะ ไม่ทราบว่ามีโอกาสเป็นโรคอะไรได้บ้าง ดิฉันคิดว่าจะต้องไปตรวจในรายละเอียดเพิ่มเติมค่ะ แต่อยากรู้ก่อนคร่าวๆค่ะ ผลการตรวจเป็นดังนี้ค่ะ Color Yellow Apperance Clear Speicific gravity * 1.03 Reference ( 1.010-1.025) pH 5 Protein * 1+ Reference ( Negative ) Glucose * 1+ Reference ( Negative ) Ketone Negative Reference ( Negative ) Urobillinogen Normal Bilirubin Negative Reference ( Negative ) UWBC 0-1 Reference ( cell/HPF <0-4> ) URBC ** 3-5 Reference ( cell/HPF <0-2> ) Epithelial cell 0-1 Reference ( cell/HPF <0-1> ) ที่มี * คือค่าผิดปกติค่ะ แจ้งอาอาการเพิ่มค่ะ บางทีก็ปัสสาวะบ่อย และจะมีอาการอั้นปัสสาวะไม่ได้ค่ะ ความดันที่วัดได้ในวันนั้นคือ 169/117 ตอนนี้ออกกำลังกายอยู่บ้างค่ะ เล่นโยคะ และขี่จักรยานค่ะ รบกวนขอความรู้และคำแนะนำด้วยค่ะ เพราะจะไปตรวจสุขภาพเพิ่มด้วยอยู่แล้ว เนื่องจากเกิดความเข้าใจผิด จึงไม่มีผลการตรวจคลอเลสเตอรอลมาค่ะ ขอบคุณในความอนุเคราะห์
ผลปัสสาวะ มีน้ำตาลและโปรตีนรั่วออกมา ควรเช็คอีกครั้งเพื่อความแน่นอน ว่าผิดปกติจริงหรือไม่
หากตรวจซ้ำยังผิดปกติ ควรตรวจน้ำตาลในเลือด (blood sugar) และการทำงานของไต (BUN , Cr) ค่ะ
ความดันที่สูง ทำให้เกิดโปรตีนรั่วได้ หากโปรตีนรั่วนานๆ ส่งผลให้ไตเสื่อม ไตวายได้ แนะนำงดเค็ม และปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณายาลดความดัน เพื่อให้ความดันน้อยกว่า 130/80 ค่ะ
คุณหมอคะ ให้เคมีบำบัดมาสองวันละคะ ก่อนหน้านั้นคุณพยาบาลก็ให้ความรู้เบื้องต้นในการดูแลหลังการให้เคมี อาการที่อยากถามคือ คุณหมอได้สั่งยาแก้คลื่นไส้อาเจียนให้ ทีนี้อาการนี้เป็นได้ทุกคนรึเปล่า แล้วถ้าไม่ทานอาการนี้จะเกิดหรือไม่ค่ะ
ยาเคมีทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้ หากมีอาการ สามารถทานได้เลยค่ะ แต่หากไม่มีอาการ จะไม่ทานก็ได้ค่ะ
อาการอาเจียนจะเกิด หรือไม่ ขึ้นกับชนิดของยา ขนาดยา และความฟิตของผู้ป่วย สู้ๆนะคะ
ขอเรียนถามค่ะ เด็กสาวชาวพม่าอายุ19ปี เพิ่งมาจากประเทศพม่า มาถึงเมืองไทยมีอาการหมดสติ ขับถ่ายไม่รู้ตัว นำส่งรพ. ตรวจเลือดค่าน้ำตาล700 นอนรพ.5วัน อาการดีขึ้นมาจนเป็นปกติ (ไม่ทราบว่าเป็นเบาหวานชนิดที่1หรือ2) อยากขอเรียนถามว่า ต่อจากนี้ไปเขาควรจะดูแลตัวเองอย่างไรดีคะ เมื่อกลับไปประเทศพม่าเพราะฐานะยากจนค่ะ หรือถ้าอยู่ไทยควรดูแลกันอย่างไรคะ ขอบพระคุณ คุณหมอมากๆค่ะ
พญ.ณัฐวรรณ
จากอาการสงสัยภาวะเบาหวานชนิดที่ 1 ค่ะ เกิดในคนอายุน้อยเนื่องจากขาดอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ใช้สลายน้ำตาล ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้ จึงเกิดภาวะน้ำตาลคั่ง เลือดเป็นกรด และขาดสารน้ำอย่างรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งต่างกับเบาหวานชนิดที่ 2
การรักษาต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ ร่วมกับการควบคุมอาหาร โดยรับประทานอาหาร 3 มื้อตามสัดส่วนที่เหมาะสมต่อมื้อ ได้แก่ข้าว 1 ส่วน เนื้อสัตว์ 1 ส่วนและผัก 2 ส่วน ไม่รับประทานขนมหวาน/น้ำหวาน/น้ำอัดลม และพบแพทย์เป็นประจำเพื่อปรับระดับยาและควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ค่ะ นอกจากนี้ยังต้องระวังอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ หากฉีดยาโดยไม่ได้รับประทานอาหาร หรือทานได้น้อย ซึ่งจะมีอาการร้อนวูบวาบ/ใจสั่น/ตัวเย็น ซึม เป็นต้น ซึ่งแก้ไขเบื้องต้นใหทานลูกอม/น้ำหวาน แล้วรับประทานอาหารตาม หากอาการไม่ดีขึ้นควรมาพบแพทย์ เป็นต้น
การรักษาเบาหวานมีรายละเอียดอีกมาก แนะนำปรึกษากับคุณหมอที่ให้การดูแลเพิ่มเติมค่ะ
Pearry
สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามเกี่ยวกับอาการต่อมน้ำเหลืองอักเสบค่ะ คือว่าแฟนเค้าคลำเจอก้อนที่คอด้านซ้ายค่ะ ตอนแรกมีก้อนเดียว แต่ภายในไม่ถึงอาทิตย์เหมือนจะมีเพิ่มมาอีกก้อน (เจอครั้งแรกตอนประมาณวันที่ 10 ค่ะ ตอนแรกก้อนยังไม่ใหญ่ แต่เค้าต้องเดินทางไปเรียนที่เกาหลี 10 วัน เลยยังไม่ได้ไปหาหมอ) คือเค้าบอกขนาดเท่าส้มจี๊ดผลเล็กๆค่ะ กดแล้วเจ็บนิดหน่อย และตอนนี้มีอาการเพิ่มขึ้นมาคือเจ็บคอ มีแผลร้อนในในปาก 3-4 จุด (ช่วงนี้เค้าพักผ่อนน้อยด้วยค่ะ ไปเรียนแล้วต้องนอนดึกตื่นเช้า) พอจะวินิจฉัยเบื้องต้น หรือแนะนำวิธีดูแลรักษาตัวเอง ก่อนจะกลับมาหาหมอที่ไทยได้มั้ยคะ (เค้าจะกลับวันที่ 20 ค่ะ) คือตอนนี้กังวลแทน กลัวว่าจะเป็นอะไรร้ายแรง เพราะมันค่อนข้างใหญ่ แล้วก็เหมือนจะโตไว :( คือถ้าติดเชื้อในกระแสเลือด หรือเป็นมะเร็ง มันจะมีอาการร่วมอะไรที่บอกได้บ้างคะ รบกวนด้วยนะคะ กลัวจนนอนไม่หลับเลย ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ T.T
ก้อนต่อมน้ำเหลืองโตที่คอ เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยจะแบ่งเป็น 3 สาเหตุใหญ่ๆ คือ
1. โรคติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัส การติดเชื้อแบคทีเรีย วัณโรคต่อมน้ำเหลือง
2. โรคมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปอด
3. โรคออโตอิมมูน
จากอาการเป็นมาไม่นานร่วมกับกดเจ็บ น่าจะคิดถึงกลุ่มโรคติดเชื้อก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ โดยจะเป็นจากเชื้ออะไรนั้นคงต้องขึ้นกับอาการร่วมอื่นๆ ด้วย เช่นถ้ามีไข้ เจ็บคอ ทอนซิลอักเสบ เจ็บก้อนต่อมน้ำเหลืองร่วมด้วย อาจเป็นกลุ่มแบคทีเรียหรือไวรัส ซึ่งอาการอาจดีขึ้นหลังทานยาปฏิชีวนะ แต่หากก้อนโตมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ค่อยเจ็บ เป็นด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง อาจคิดถึงวัณโรคต่อมน้ำเหลืองค่ะ
อย่างไรก็ตาม แนะนำพบแพทย์หลังจากกลับมาจากต่างประเทศค่ะ
เนื่องจากเวียนหัว-ปวดหัวบ่อย ทั้งจากความเครียด หรืออาการเมารถ จึงมักจะทานยาหอม บางครั้งรู้สึกแน่นท้อง ก็ทาน จนติดเป็นนิสัย มีอาการอะไรก็จะใช้ยาหอม เพราะรู้สึกโล่ง หายปวดหัว พักหลังทานบ่อย วันละหลายครั้ง ตักทานเป็นผงแห้งๆ โดยไม่ได้ดื่มน้ำตาม เริ่มกังวล ว่ามีอาการติด อย่างน้อยต้องสูดดม ไม่งั้นจะเวียนหัว ตาลาย และตรวจพบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดี (ขนาดไม่ใหญ่มาก และไม่มีอาการผิดปกติ ยกเว้นท้องอืดบางเวลา คุณหมอบอกไม่ต้องผ่าตัด) ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่คะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
ยาหอมเป็นยาสมุนไพร ไม่ใช่ยารักษาอาการ เป็นเพียงยาปรับลม แก้ท้องอืด ช่วยการทำงานของลมในลำไส้
ยาหอมมีหลายชนิด เลือกให้ถูกชนิดตามอาการที่เป็น อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งล้วนควรใช้แต่พอดี ไม่ควรรับประทานมากไปค่ะ
ศึกษาได้จากลิงค์นี้ค่ะ http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/103/%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B5/
การดูแลด้วยตัวเอง การต้องบอกอาการแพทย์ ทานยาแล้วก็อาการถ่าย ไม่ดีขึ้น ออกกำลังกายเสมอ ทั้งเล่นเวท โยคะ เต้นแอโรบิค เป็นมา 3 ปีแล้วครับ อายุ 49 สูง 172. หนัก 62
โรคลำไส้แปรปรวน หรือที่เรียกว่า IBS (irritable bowel syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดค่ะ การรักษาเป็นการรักษาตามอาการ แต่เน้นพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด รับประทานอาหารเป็นเวลาเน้นผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใย ร่วมกับการออกกำลังกายค่ะ หากยังไม่ดีขึ้นแนะนำพบแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินอาหารเพื่อช่วยปรับยาให้เหมาะกับอาการค่ะ
ชาย อายุ 53 ปี มีอาการเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะหลังออกกำลังกายหนักเกินไป บางครั้งไม่ได้ออกกำลังกายก็เป็น เป็นมา 2-3 ปี เป็นๆ หาย บางช่วงเจ็บใต้ชายโครง เกรงว่าจะเป็นโรคหัวใจ ปัจจุบันเป็นคนไข้ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพิ่งเข้ารับการตรวจเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา(แต่ไม่ได้ตรวจ และแจ้งคุณหมอเรื่องเจ็บหน้าอก) เนื่องจากวันนั้นมีอาการเวียนหัว หวิวๆ จึงไปหาหมอ คุณหมอตรวจเลือด ผลวัดเกี่ยวกับความดันสูงเกิน ไขมันในเลือดสูง คุณหมดให้ยามา แต่ขอคุมเองไม่ทานยา ตรวจครั้งหลังอีกครั้ง ห่างจากครั้งแรก 3 เดือน ความดัน 223 ตัวบน ลดลงเล็กน้อยจากที่ตรวจ ครั้งก่อนหน้า หากครั้งนี้จะไปโรงพยาบาลจะขอตรวจว่าเป็นโรคหัวใจหรือไม่ ไม่ทราบทางโรงพยาบาลจะทำการตรวจโดยวิีธีใด ครับตามขั้นตอน (ใช้ประกันสังคม) ปัจจุบันออกกำลังกายเป็นประจำอยู่ จ็อกกิ้ง และเล่นเวทเทรนนิ่ง เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 วัน
ความดันสูงมากค่ะ ควรรับประทานยาลดความดัน บางทีอาจต้องใช้ยาถึง 2-3 ตัวช่วยกัน จึงจะได้ผลด้วยซ้ำ
เจ็บหน้าอกเวลาออกกำลัง แนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมโดยตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเอ็กซเรย์ปอด
บอกหมอได้ตามอาการที่เป็น ตามจริงเลยค่ะ เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
สำเร็จ