พูดคุยกับแพทย์อย่างเป็นส่วนตัว ผ่านแอพ Chiiwii
Bee
เกิดจากสาเหตุใดและรักษาได้ไหมคะ
พญ.ฐิตินันท์
แคลเซียม ความจริงแล้ว เกาะได้หลายที่ เช่น สมอง หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ หรือชั้นใต้ผิวหนัง
แคลเซียมที่เกาะในหลอดเลือด (artherosclerosis) เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ภาวะน้ำตาลสูง ไขมันในเลือดสูงหรือความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาหลอดเลือดอุดตัน เลือดไหลเวียนไม่สะดวก อวัยวะต่างๆ ขาดเลือด เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงขาตีบ เป็นต้น
วิธีป้องกัน/รักษา
- รักษาระดับ น้ำตาล ไขมัน และความดันโลหิตให้ปกติ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- งดสูบบุหรี่
Read more comments...
Waralee
AKI on top CKD คืออะไรเหรอค่ะ
AKI ย่อมาจากคำว่า acute kidney injury แปลว่า ไตเสื่อมเฉียบพลัน
CKD ย่อมาจากคำว่า chronic kidney disease แปลว่า ไตเสื่อมเรื้อรัง (ไตวายระยะต้น)
AKI on top CKD หมายถึง ไตเสื่อมเฉียบพลัน ในคนที่มีไตวายเรื้อรังระยะต้นอยู่แล้ว ส่งผลทำให้ไตวายมากขึ้น รุนแรงขึ้นและรักษายากกว่าปกติค่ะ บางคนอาจต้องรักษาด้วยการฟอกไตฉุกเฉินค่ะ
Guest
คุณแม่ผมเป็นมะเร็งที่ปอด รักษาอยู่กับโครงการวิจัยของโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาด้วยการกินยาครับ หลังจากที่รักษาปอดอยู่ประมาณเกือบ 1 ปี มาเจอมะเร็งที่เต้านมและทำการผ่าตัดออกไปแล้วครับ หลังจากที่เจอมะเร็งที่เต้านมสภาพจิตใจก็แย่ลงและช่วงหลังมานี้แม่ไม่สามารถทานอะไรได้เลย กลืนอะไรไม่ค่อยจะลง ผมเลยไปหาอาหารเสริมประเภทน้ำมาให้แม่ลองทานครับแม่ผมเป็นเบาหวาน ความดันและกรดไหลย้อนด้วย ผมให้แม่ดื่มกลูโซน่า ดื่มเข้าไปก็ท้องเสีย เลยลองเปลี่ยนยี่ห้อเป็นโปรชัว ก็ยังท้องเสียเช่นเดียวกันครับ ผมอยากปรึกษาคุณหมอว่า ผมควรจะบำรุงแม่ด้วยอาหารอย่างไรดีครับเพราะผมไม่มีความรู้เรื่องโภชนาการเลย ขอบพระคุณมากครับ
ผู้ป่วยมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รับยาเคมีบำบัด ควรรับประทานอาหารที่มีพลังงานเพียงพอ สะอาด ถูกสุขลักษณะ ปรุงอาหารให้ร้อน (เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ) อาหารควรมีหลากหลายชนิด ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงต่อสู้กับโรคและยาเคมีบำบัดที่มีฤทธิ์แรง
- รับประทานอาหารอ่อนๆ เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย โดยเน้นประเภทต้มและนึ่งให้สุก เช่น ข้าวต้ม ขนมปัง เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ มันฝรั่งบด นมปั่น ผักต้มสุก ซุป โยเกิร์ต
- เลี่ยงของมัน ของทอด อาหารรสจัด หรืออาหารที่มีกลิ่นแรง
- หากผู้ป่วยมีอาหารคลื่นไส้อาเจียนหรือเจ็บปาก เนื่องจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด แนะนำให้รับประทานน้อยๆ แต่บ่อยๆครั้ง เคี้ยวอาหารช้าๆ
- ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน
-----> หากเบื่ออาหาร ให้ดื่มนม ซุปใสๆ หรืออาจเป็นไอศครีมที่ไม่มีน้ำตาลมากนัก (โลวชูการ์: low sugar) เพื่อให้มีรสอร่อยและน่าทานมากขึ้น
----> ส่่วนเรื่องท้ิองเสีย ปวดท้อง ท้องอืด หรือมีลมในกระเพาะ อาจเกิดจาก ลำไส้ขาดน้ำย่อยแลคโตส ในการย่อยน้ำตาลชนิดนี้ ซึ่งพบได้ในผู้สูงอายุ ผู้ได้ยาเคมีบำบัด/ยาปฏิชีวนะ หรือได้รับการฉายแสงบริเวณท้อง แนะนำปรึกษาแพทย์หาสาเหตุเรื่องท้องเสียด้วยค่ะ อาจต้องนำอุจจาระไปตรวจเพิ่มเติม หาเซลล์ การติดเชื้อหรือพย่ธิ เป็นต้น
ไอไม่หยุดมาประมาณ1เดือนแล้วครับ ไปหาหมอให้เอ็กซเรย์ก็ไม่เจออะไร ไอเป็นแบบแห้งๆ มีเสมหะบ้างแต่ไม่ตลอดครับ
อาการไอเกิดจากสาเหตุได้หลายสาเหตุโดยไม่จำเป็นต้องเกิดจากโรคปอด ได้แก่ โรคภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ กรดไหลย้อน หรือเกิดจากโรคทางปอดที่ตรวจไม่พบความผิดปกติของเอ็กซเรย์ปอด ได้แก่ หอบหืด
อาการไอของคุณ...ที่เป็นมา 1 เดือนยังไม่เฉพาะเจาะจงกับโรคใด แนะนำให้สังเกตอาการต่อร่วมกับตรวจเพิ่มเติมในกรณีดังต่อไปนี้
1. ไข้ น้ำหนักลด เสมหะมากขึ้น แนะนำตรวจเอ็กซเรย์และเสมหะหาเชื้อวัณโรค
2. แน่นจมูก มีน้ำมูกใส หรือ กลิ่นเหม็นเหมือนหนอง อาการแย่ลงเมื่อถูกอากาศเย็นหรือสารก่อแพ้ต่างๆ จะสงสัยโรคภูมิแพ้หรือไซนัสอักเสบมากขึ้น
3. อาการเรอเปรี้ยว แสบจุกกลางอก หลังทานอาหาร สงสัยกรดไหลย้อนแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เช่น ห้ามนอนหลังทานอาหารใหม่ๆ ควรอยู่ในท่าหัวตั้ง,นั่งมากกว่า 2 ชม หลังทานอาหาร, ลดความเสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อน ได้แก่ การสูบบุหรี่ ชา กาแฟ เป็นต้น
4. ถ้ามีอาการหอบเหนื่อย หายใจไม่อิ่มร่วมกับหายมีเสียงวี๊ด สงสัยโรคหอบหืด หรือโรคของหลอดลมขนาดเล็ก ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโรคปอด เพื่อตรวจเพิ่มเติมต่อไป
เคยได้รับการตรวจไทรอยด์มา คุณหมอบอกว่าเป็นแบบไม่เป็นพิษค่ะ เป็นมาประมาณ 10 ปี จนปัจจุบันก้อนที่คอค่อนข้างใหญ่ (หยุดการรักษาไปประมาณ 4-5 ปี) คุณหมอบอกว่ามีวิธีที่รักษาได้คือต้องผ่าตัดอย่างเดียวค่ะ จึงอยากทราบผลข้างเคียงหลังจากที่ผ่าตัดดังนี้ค่ะ 1. หลังจากผ่าตัดต้องกินฮอร์โมนไปตลอดชีวิตหรือไม่คะ 2. มีโอกาสกลับมาเป็นอีกมั้ยคะ 3. มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง เช่น อ้วนง่ายขึ้น อารมณ์แปรปรวน ความต้องการทางเพศลดลง ฯลฯ
ก้อนที่คอ ชนิดไม่เป็นพิษ หากมีขนาดใหญ่ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเซลล์ชนิดไม่ดี (มะเร็ง) ในอนาคต โดยทั่วไปให้เฝ้าระวัง โดยอัลตราซาวน์วัดขนาดก้อนและเจาะตรวจเซลล์ดูทางพยาธิวิทยา หากก้อนมีขนาดโตขึ้น
วิธีรักษา คือ
1. การผ่าตัด
2. ฉีดแอลกอฮอล์เข้าก้อน แต่ไม่นิยมทำในเมืองไทยเท่าไร
ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดก้อนไทรอยด์ เหมือนการผ่าตัดทั่วไป เช่น มีแผลเป็น เลือดออก บางรายอาจมีเสียงแหบ หรือแคลเซียมต่ำ (ขึ้นกับขนาดของก้อนที่ถูกตัดออกไป และฝีมือหมอผ่าตัด)
ส่วนการต้องรับประทานฮอร์โมนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับขนาดของไทรอยด์ที่ตัดออกไป
- หากตัดออกไปไม่มาก การทำงานของไทรอยด์ยังปกติ ก็ยังไม่ต้องรับประทานฮอร์โมนเสริม
- หากผ่าก้อนออกไปมาก เหลือเซลล์ไทรอยด์ไว้น้อย จนเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ การรับประทานฮอร์โมนก็เพียงเสริมให้ร่างกายทำงานปกติ ไม่ได้มีอันตรายอะไร ไม่ได้ทำให้อ้วนหรือมีความต้องการทางเพศลดลงค่ะ
โอกาสกลับเป็นซ้ำ หลังผ่าก้อนออกไปแล้ว ขึ้นกับเซลล์แต่ละคน แนะนำตรวจต่อเนื่องเป็นระยะ ปีละ1-2 ครั้งตลอดชีวิตนะคะ เพื่อความมั่นใจ
ขอบคุณค่ะ
เวลาจับของเย็นหรืออากาศเย็นจะมีอาการปลายนิ้วบวมเต่ง และแดง(แดงแค่ที่ปลายนิ้ว) แล้วก็รู้สึกเจ็บมากที่บริเวณดังกล่าว อยากทราบว่าอาการที่เป็นอยู่นี้คืออะไร มีวิธีการรักษาเพื่อไม่ให้เกิดอาการดังกล่าวยังไงบ้างคะ
หากเจ็บและคัน เมื่อโดนของเย็น เช่นปลายนิ้ว หู หรือจมูก เป็นการสนองตอบของฮิสตามีนในร่างกาย ถือว่าปกติแต่ หากโดนของเย็นแล้วเจ็บปลายนิิ้ว ปลายนิ้วซีด บางทีซีดขาวสลับแดง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง หรืออายุรแพทย์รูมาติซึม เนื่องจากคิดถึง Raynaud phenomenon ซึ่งอาจต้องหาสาเหตุ เช่น โรคภูมิแพ้ตัวเอง (SLE) โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่างๆดังนั้น ควรให้แพทย์ตรวจเพื่อยืนยัน การวินิจฉัยให้แน่นอนค่ะส่วนการป้องกัน ควรเลี่ยงของเย็น เช่น จับน้ำแข็ง อาบน้ำเย็น แนะนำให้สวมถุงมือถุงเท้า เมื่อต้องไปอยู่ในที่ที่มีอุณภูมิต่ำ และห้ามสูบบุหรี่ค่ะ
guest
ผมเป็นเก๊าท์เมื่อ 6 เดือนก่อน กินยาAllopurinolอยู่ครับ ไม่มีอาการอะไรแล้ว แต่หมอบอกว่าให้กินยาคุมไว้ก่อน ผมไม่อยากกินยานานๆครับ มีคนบอกว่าเป็นเก๊าท์ห้ามทานไก่ เลยอยากทราบว่าจริงๆแล้วคนเป็นโรคเก๊าท์ควรหลีกเลี่ยงอาหารอะไรบ้างครับ?
โดยปกติ แนะนำรับประทานยาลดกรดยูริค allopurinol เป็นระยะเวลานานๆ เพื่อควบคุมการกำเริบ พิจารณาหยุดยาเมื่อไม่มีก้อนตุ่มผลึกเก๊าต์ตามผิวหนัง หรือไม่มีข้ออักเสบกำเริบเป็นระยะเวลาหลายปี ส่วนการปฏิบัติตัว เพื่อลดสิ่งกระตุ้น ไม่ให้เก๊าต์กำเริบได้แก่ 1. งดการรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีสารพูรีน (purine) สูง เช่น อาหารทะเล หอย เนื้อแดงสัตว์ปีกเครื่องในสัตว์และยีสต์ 2. ลดผลไม้รสหวาน และเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลฟรุ๊กโตส 3. ลดการดื่มสุรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เบียร์ 4. สามารถรับประทานนมพร่องมันเนย โยเกิร์ตไขมันต่ำ น้ำเต้าหู้ ผลไม้ท่ีมีวิตามินซีสูง ได้ เนื่องจากสารพูรีนจากพืชจะเพิ่มระดับกรดยูริกในเลือดไม่มาก ที่มา: แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลโรคเก๊าต์แห่งประเทศไทย โดยสมาคมรูมาติสซั่ม
อยากทำ detox มีเพื่อนมาขายน้ำยา detox บอกว่าล้างตับล้างไตล้างลำไส้ ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ คือดีงามมาก เลยอยากให้แม่ลองทำ แม่เป็นไขมันเกาะตับ กับเบาหวาน เลยไปลองอ่านใน pantip มา มีคนบอกว่าผลดีเต็มเลย บางคนไขมันขับออกมาตอนถ่ายให้เห็นจะจะ เลยครับ อยากรู้ครับว่าซื้อมาให้แม่ทำดีไหม ได้ผลจริงหรือเปล่า แล้วต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล เห็นเพื่อนบอกว่าทำไปสองวันก็สบายตัวแล้ว รู้สึกสดชื่น มันจริงไหมครับ
ไม่แนะนำให้สวนล้างลำไส้ดีท็อกซ์นะคะ เนื่องจากโดยปกติร่างกายมีกลไกการกำจัดสารพิษอยู่แล้ว หน้าที่หลักโดย ตับและลำไส้ การสวนล้างทำให้แบคทีเรียเจ้าบ้านในลำไส้ทำงานผิดปกติ เกิดปัญหาต่อการย่อยอาหาร เกลือแร่ในเลือดผิดปกติ นอกจากนี้ อาจมีผลแทรกซ้อนทำให้ลำไส้ทะลุ หรือติดเชื้อจากการสวนได้ (ส่วนการทำสวนล้างแล้วสดชื่น อาจเป็นความรู้สึกส่วนตัวในเรื่องความสบายใจมากกว่า) //แนะนำออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารมีประโยชน์รวมทั้งผักผลไม้ ดีกว่าค่ะ
คุณหมอครับ รบกวนสอบถามครับว่า คุณแม่อายุ 67 ปี เป็นเบาหวาน ต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้างครับ ขอบคุณครับ
ความจริงแล้วตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำวัคซีนที่จำเป็นในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือโรคหัวใจ ด้วยกันหลายอย่าง ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ บาดทะยัก ไอกรน ปอดบวมนิวโมคอคคัส งูสวัส และหัดเยอรมัน เป็นต้น (ตามรูปแนบ) แต่ ที่จำเป็นและแนะนำให้ฉีดป้องกันมี 2 ชนิด คือ 1. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ชนิด 4 สายพันธุ์ โดยฉีดปีละครั้ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขให้ไปฉีดได้ฟรี ตามรพ.รัฐทั่วประเทศ 2. วัคซีนป้องกันปอดบวมเชื้อนิวโมคอคคัส (ฉีดครั้งเดียว หลังอายุ 65 ปี) //พาคุณแม่ไปฉีดป้องกันนะคะ ...ป้องกันดีกว่ารักษา ที่มา- http://www.biogenetech.co.th/healtheducation/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89/ file:///C:/Documents%20and%20Settings/BPK9/My%20Documents/Downloads/adult-vaccine-recommendation-rcpt-final-version.pdf
a.unahalekhaka@gmail.com
สวัสดีค่ะ หนูมีปัญหาการขับถ่ายมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ คือไม่ได้ถ่ายทุกวัน หลายๆวัน (3-4 วัน) ถ่ายที ทั้งๆที่เป็นคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินไฟเบอร์เยอะมาก ดื่มน้ำเยอะ สุขภาพแข็งแรงมาก กลัวว่าในอนาคตจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ค่ะ...ขอบคุณค่ะ
การขับถ่าย 3-4 วันต่อสัปดาห์ ความจริงแล้วยังไม่ถือว่าผิดปกติค่ะ (ท้องผูก คือ ถ่ายอุจจาระ <3 ครั้งต่อสัปดาห์) อย่างไรก็ดี ควรสังเกตว่าลักษณะอุจจาระด้วย ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น อุจจาระมีเลือดปน หรือมีขนาดเรียวเล็ก เป็นต้น //หากมีอาการอื่นร่วม ควรพบแพทย์ เช่น น้ำหนักขึ้นหรือลดผิดปกติ ง่วงนอนมาก อ่อนเพลีย บวม ท้องอืด รับประทานอาหารไม่ได้ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย เป็นต้น // ข้อแนะนำ รับประทานไฟเบอร์ ผัก ผลไม้ที่มีกากใย ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอให้ลำไส้เคลื่อนตัว และนั่งอุจจาระด้วยท่าที่ถูกต้องคือนั่งยองๆ งอเข่า หากมีข้อสงสัย แนะนำไปตรวจกับแพทย์ที่รพ.เพิ่มเติมค่ะ
สำเร็จ