ปลาแซลมอนที่คุณรับประทาน มีประโยชน์จริงหรือ?
เนื่องจากในปัจจุบันมีความนิยมบริโภคปลาแซลมอนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ใครๆก็ทราบว่าแซลมอนเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันดีที่เรียกว่าโอเมก้า-3 โดยเฉพาะ DHA และ EPA ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของสมองและช่วยลดการอักเสบในร่างกาย แต่คุณเคยรู้หรือไม่ว่า การเลี้ยงปลาแซลมอนทุกวันนี้ต้องเพิ่มปริมาณการผลิตกันทุกวิถีทาง เพื่อรองรับความต้องการจำนวนมาก โดยหนึ่งในวิธีเพิ่มผลผลิตนั้นคือการเพิ่มปริมาณสารเคมีที่ใช้ในการเลี้ยง เช่นเดียวกับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นๆ โดยข้อมูลที่ผู้บริโภคได้รับก็คือสารเคมีที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
นอกจากนี้การเลี้ยงปลาแซลมอนในฟาร์มนั้น มีพื้นที่และทรัพยากรจำกัด จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปนเปื้อนของสารเคมีและโลหะหนัก (เช่นสารปรอท) ในน้ำที่ปลาแซลมอนว่ายวนอยู่ได้ค่อนข้างมาก มีการตรวจพบว่าสาร PCBs (สารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งทนความร้อนและสลายตัวได้ยาก) ในแซลมอนเลี้ยงนั้นสูงกว่าแซลมอนธรรมชาติถึง 8 เท่า และยังมีสารเคมีอื่นๆที่ใช้ในอาหารและยาป้องกันโรค บางที่ใช้อาหาร GMO มาเลี้ยง ซึ่งทำให้แซลมอนนั้นกลายเป็นแซลมอน GMO ไปโดยปริยาย โดยสารพิษทั้งหมดนี้ล้วนสะสมอยู่ในชั้นไขมันของแซลมอนที่เราเข้าใจกันว่าเป็นไขมันที่ดีนั่นเอง
ดังนั้นปลาแซลมอนที่เรากินกันด้วยความที่คิดว่าจะได้โอเมกา-3 ซึ่งเป็นไขมันที่มันดีต่อสุขภาพ อาจไม่ดีเสมอไปถ้าไม่เลือกให้ถูกต้อง
วิธีการจำแนก แซลมอนเลี้ยง(farm raised) กับ แซลมอนธรรมชาติ(wild caught) นอกจากจะดูจากฉลากแล้ว เราสามารถยืนยันได้จากสีของเนื้อปลา โดยแซลมอนธรรมชาติจะมีสีแดงเข้มกว่าและมีแถบไขมันจางกว่า ในขณะที่แซลมอนเลี้ยงจะมีเนื้อสีชมพูกึ่งส้มๆ มีแถบไขมันเยอะและหนา
กล่าวโดยสรุปก็คือแซลมอนเลี้ยงนั้นมีปริมาณไขมันอิ่มตัว(ไขมันที่ไม่ดี)สูงกว่าแซลมอนธรรมชาติ มีการสะสมของสารพิษและโลหะหนักในชั้นไขมันจากการปนเปื้อนจากน้ำในบ่อเลี้ยงและอาหารที่ใช้เลี้ยงปลา แม้ปริมาณของการปนเปื้อนจะไม่ได้สูงเกินระดับมาตรฐาน แต่อย่าลืมว่าสารพิษและโลหะหนักเหล่านี้จะค่อยๆสะสมในร่างกายเรามากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ส่วนมันจะเริ่มส่งผลเสียให้เห็นได้เมื่อไหร่นั้น เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากพบเจอ
รู้อย่างนี้แล้ว ต่อจากนี้ไปเลือกให้ดีก่อนรับประทานเพื่อสุขภาพที่ดีและยืนยาวนะคะ
***หากคุณมีข้อสงสัยหรือปัญหาสุขภาพ สามารถสอบถามคุณหมอเพิ่มเติมได้ง่ายๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ คลิกที่นี่ เพื่อ log in แล้วพิมพ์คำถามของคุณ หลังจากนั้นรอรับคำตอบทาง email โดยเราจะมีทีมแพทย์เฉพาะทางที่ตรงกับปัญหาของคุณมากที่สุด เพื่อตอบคำถามนั้นๆ
