พูดคุยกับแพทย์อย่างเป็นส่วนตัว ผ่านแอพ Chiiwii

จ้องหน้าจอมือถือนานๆ ทำร้ายดวงตาของเราจริงหรือ?

จ้องหน้าจอมือถือนานๆ ทำร้ายดวงตาของเราจริงหรือ

ในยุคสังคมก้มหน้ามองไปทางไหนก็มีแต่คนก้มหน้าใช้โทรศัพท์มือถือหรือ tablet บ้างก็ใช้แชท บ้างก็ส่ง Line บ้างก็ใช้อัพเดทข้อมูลข่าวสาร หลายคนเลยเริ่มสงสัยว่าการจ้องหน้าจอโทรศัพท์ smart phone หรือ tablet เป็นเวลานานๆ จะส่งผลเสียอะไรกับดวงตาของเราบ้างไหมนะคะ บางคนได้ยินมาว่าถึงขั้นว่าอาจทำให้ตาบอดหรือเกิดมะเร็งตาได้เลย ถ้าอยากรู้ความจริงที่ถูกต้องก็ต้อง “ถามหมอสิ จริง หรือ เท็จ” (ขายของกันนิดนึงนะคะ^^)

Smart phone และ Tablet ส่งผลอะไรกับดวงตาของเราบ้าง

ตาแห้ง

ปกติคนเราจะกระพริบตาทุกๆ 2-3 วินาที ทุกครั้งที่กระพริบตาจะทำให้น้ำตามาฉาบบนกระจกตาและเยื่อบุตา เพื่อให้ความชุ่มชื่นและคงสมดุลต่างๆ ให้กับดวงตา แต่เมื่อเราจ้องหรือตั้งใจจดจ่ออยู่กับหน้าจอ เราจะกระพริบตาน้อยลง และยิ่งถ้าอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง เช่น ในห้องแอร์ ก็จะทำให้เกิดการตาแห้งได้ ดังนั้นเราควรมีการกระพริบตาหรือหลับตาพักบ้างเมื่อต้องจ้องอะไรต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ไม่ควรให้ลมจากพัดลมหรือแอร์เป่าเข้าที่หน้าโดยตรง การใช้น้ำตาเทียมก็จะช่วยลดอาการตาแห้งได้

ตาล้า/ปวดเมื่อยกระบอกตา

การใช้งาน smart phone, tablet หรือ คอมพิวเตอร์ จะทำให้เกิดการล้าของกล้ามเนื้อตา มีอาการปวดกระบอกตาและไม่สบายตาได้มากกว่าการอ่านตัวหนังสือบนกระดาษ เพราะภาพที่เราเห็นบนหน้าจอดิจิตัลเหล่านี้เกิดจากเรียงต่อกันของ pixel ขนาดเล็กๆ จำนวนมาก หน้าจอจะมีการเปลียนแปลงหรือขยับของภาพอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเราจึงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อโฟกัสให้เห็นภาพที่คมชัดได้ตลอด

ผลเสียต่อจอประสาทตา

ผลที่เรากังวล คือ ภาวะจอประสาทตาเสื่อมจากแสงสีฟ้าจากหน้าจอแสดงผลในระบบ OLED (Organic Light-Emitting Diode)  ที่มักใช้กันใน smart phone และ tablet ซึ่งหน้าจอชนิดนี้จะให้แสงสีฟ้า (แสงที่มีความยาวคลื่นในช่วง 400-500 nm  หรือ ที่เราเรียกว่า High-energy visible light) ในสัดส่วนที่มากกว่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ทั่วๆไป แต่ในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่ยืนยันว่า แสงสีฟ้าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดจอประสาทตาเสื่อมในคนโดยตรง มีเพียงการศึกษาในห้องทดลองว่า แสงสีฟ้า

สามารถทำลายเซลล์ที่ทำหน้าที่รับแสงที่จอประสาทตาได้   และอาจทำให้เกิดจอประสาทตาเสื่อมในสัตว์ทดลองได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ได้รับการยืนยันทางการแพทย์แล้วว่าทำให้เกิดภาวะนี้ ได้แก่ อายุที่มากขึ้น, การสูบบุหรี่, แสง UV, ความดันโลหิตสูง

ส่วนผลที่ทำให้เกิดมะเร็งตานั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพราะมี เพียงข้อมูลที่ได้จากการทดลองเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมในหนูทดลองพบว่า หนูกลุ่มที่ได้รับแสงในช่วงกลางคืนจะมีการเจริญของมะเร็งเต้านมมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับแสงในช่วงกลางคืน ด้วยทฤษฎีที่ว่า การได้รับแสงในช่วงกลางคืน จะไปยับยั้งการหลั่งสารเมลาโทนินจากสมอง (สารเมลาโทนินนี้จะทำหน้าที่ต้านเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกในร่างกายของเรา)

**smart phone และ tablet ไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็งตา

**ไม่มีการศึกษาวิจัยที่บอกว่าการใช้ smart phone หรือ tablet ในช่วงกลางวันจะมีผลให้เกิดมะเร็ง

การถนอมสายตา เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดิจิตัลเหล่านี้ ทำได้โดย

  • ใช้โทรศัพท์ หรือ Tablet เท่าที่จำเป็นและควรพักสายตาเป็นระยะเมื่อต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ โดยปกติแนะนำให้พักสายตาทุก ๆ 20 นาที เราควรพักสายตาโดยการมองไปไกลๆ ที่ระยะเกินกว่า 20 ฟุต เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที หรือตามกฎที่เราเรียกว่า “20-20-20- rule”
  • ใช้ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และตั้งความสว่างหน้าจอที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไป การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในที่มืดจะทำให้ประมาณแสงที่ผ่านเข้าไปในดวงตาได้มากขึ้น เพราะในที่มืดม่านตาของเราจะขยายโตขึ้น รับแสงได้มากขึ้น แสงก็จะส่องไปที่จอประสาทตามากขึ้น จึงส่งผลเสียต่อจอประสาทตาได้มากขึ้นตามไปด้วย
  • ตรวจเช็คสุขภาพตาเป็นระยะ และปรึกษาจักษุแพทย์เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา
    smart phone หรือ tablet ไม่ได้เป็นภัยร้ายที่น่ากลัวจนเกินไปอย่างที่มีข้อมูลเผยแพร่อยู่ทั่วไป แต่ควรใช้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เท่าที่จำเป็น เพื่อถนอมดวงตาคู่นี้ของเราให้ใช้งานได้นานๆ นะคะ^^

 

โดย พญ.วิรัญญา วชิรศักดิ์ชัย

***หากคุณมีข้อสงสัยหรือปัญหาสุขภาพ สามารถสอบถามคุณหมอเพิ่มเติมได้ง่ายๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ คลิกที่นี่ เพื่อ log in แล้วพิมพ์คำถามของคุณ หลังจากนั้นรอรับคำตอบทาง email โดยเราจะมีทีมแพทย์เฉพาะทางที่ตรงกับปัญหาของคุณมากที่สุด เพื่อตอบคำถามนั้นๆ 


Loading ...
Success