Guest

Q กล้ามเนื้อคอกระตุกจนศรีษะบิด

รบกวนขอคำแนะนำและแนวทางการตรวจ-รักษาด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ สามีเคยเป็น spasmodic dysphonia และเข้ารับการผ่าตัดต่อเส้นประสาทกล่องเสียง (slad-r ) จาก ucla เมื่อกว่า1ปีที่แล้วค่ะ เส้นประสาทใหม่ต่อติดดีอย่างรวดเร็วและเสียงหายจากอาการ sd อย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่ประมาณเดือนก่อน เริ่มมีอาการชาด้านข้างศีรษะด้านขวาเป็นครั้งคราวและพัฒนาเป็นการกระตุกที่กล้ามเนื้อคอ คาดว่าเป็น brachiocephalic ซึ่งทำให้ศีรษะหันกระตุกและไหล่กระตุก หากมีอาการมากอาจลามลงไปถึงสีข้างและหน้าท้องด้านขวาด้วย อาการกระตุกนี้กินเวลาราวครึ่งถึงหนึ่งนาที หลังจากอาการกระตุกสงบลงจะชาไปทั่วบริเวณด้านขวาที่มีอาการ ลามลงไปถึงแขนขวาด้วยค่ะ มักเป็นหลังจากตื่นนอนไม่กี่นาที และเป็นถี่ที่สุดในช่วงเช้า ความถี่วันละ 5-7 ครั้งต่อวัน โดยความกังวลคือ กล้ามเนื้อที่มีอาการคาดว่าจะเป็นกล้ามเนื้อมัดเดียวกันกับที่ได้รับการผ่าตัด เอาเส้นประสาทมาจากแขนงของ ansa cervicalis เพื่อมาปลูกถ่ายลงในเส้นเสียง มีข้อที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ช่วงเดินทางต่างประเทศยาว12ชม. ไม่มีอาการชาหรือกระตุกดังกล่าวเลยซักครั้งเดียวค่ะทั้งที่มีงีบหลับไปบ้าง แต่ข้อสังเกตคือเป็นการงีบหลับในท่านั่ง ไม่ใช่ท่านอนปกติ พยายามติดต่อ Dr.Berke แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดหลายครั้งแต่ไม่ได้รับคำตอบหรือการติดต่อกลับใดๆ ได้พบแพทย์ระบบประสาทที่ประเทศเยอรมันแล้วสองครั้ง แพทย์ยังไม่ระบุว่าเป็น torticolis โดยบอกว่าอาการน้อยมากและไม่คล้ายdystoniaนี้ และเพียงแค่ให้ดูอาการต่อไปกับให้ยาบำรุงต่างๆ สองสัปดาห์ต่อมายังคงมีอาการคงที่ ล่าสุดพบว่าการออกกำลังกายทุกวันช่วยให้อาการดีขึ้นในแง่ความถี่และความแรง จึงยังคงทดลองออกกำลังกายต่อเนื่องไป (ปกติก่อนหน้านี้สามีวิ่งสัปดาห์ละสองครั้งอยู่แล้วค่ะ) กำลังตัดสินใจว่าจะพบแพทย์ระบบประสาทอีกครั้งที่ไทยเพื่อขอ second opinion อยู่ค่ะ รบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากๆค่ะ

นพ.ชาคริต

1.จากข้อมูลที่ได้ มีอาการกระตุกที่ ศีรษะ คอ ไหล่ แขน รวมถึงหน้าท้องและสีข้างทางด้านขวา ระยะเวลาประมาณครึ่งถึง1นาที อาการนี้มีลักษณะคล้ายอาการชักแบบเฉพาะที่ (focal seizure หรือ simple partial seizure) โดยที่ผู้ป่วยที่มีอาการชักแบบนี้ จะมีอาการกระตุกเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายปะมาณ1-2นาที โดยที่ผู้ป่วยรู้สึกตัวดีอยู่ตลอดเวลาได้ครับ ซึ่งจะต้องให้แพทย์ซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียดก่อน เพื่อช่วยในการวินิจฉัย ซึ่งถ้ามีลักษณะคล้ายอาการชักจริง ขั้นตอนต่อไปในการตรวจคือการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง(Electroencephalogram;EEG)และตรวจเอกเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง( MRI-brain)ครับ

2.ความกังวลที่ว่าอาการที่เกิดขึ้นจะเป็นผลแทรกซ้อนจากการผ่าตัด slad-r หรือไม่ 

Slad-r เป็นการผ่าตัดที่บริเวณลำคอ โดยที่ห่างจากเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อแขนพอสมควร (brachial plexus) และห่างจากเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณสีข้างและหน้าท้องค่อนข้างมาก โอกาสที่เส้นประสาทเหล่านี้จะได้รับบาดเจ็บจากการผ่าตัดน่าจะน้อยมากครับ (ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดถึงเทคนิคในการผ่าตัดว่าเกี่ยวข้องกับเส้นประสาทเหล่านี้หรือไม่ เพื่อความชัดเจนอีกทีครับ) อีกทั้งอาการที่เกิดขึ้นมีลักษณะเป็นๆหายๆ ไม่เหมือนอาการเส้นประสาทได้รับบาดเจ็บซึ่งมักมีลักษณะชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ค่อยๆเป็นมากขึ้นเรื่อยๆมากกว่าครับ

คำแนะนำก่อนปรึกษา second opinionครับ

1.พยายามถ่ายvdoขณะเกิดอาการ ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือก็ได้ครับ

ควรพยายามถ่ายตั้งแต่เริ่มต้นอาการให้มากที่สุด และถ่ายบริเวณที่มีความผิดปกติให้ชัดเจน

จะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากสำหรับแพทย์ที่ช่วยให้การวินิจฉัยได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ

(หลายๆครั้งผู้ป่วยให้ประวัติลักษณะอาการไม่เหมือนชัก แต่vdoที่ได้จากผู้ป่วยทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถวินิจฉัยโรคลมชักได้ครับ)

2.ประวัติการรักษาและยาที่รับประทานอยู่ทั้งหมดครับ

นพ.ชาคริต สุทธิเสวันต์

Guest

ขอบพระคุณมากค่ะ เป็นอาการชักจริงๆค่ะ ตอนนี้ดำเนินการตรวจรักษาฉุกเฉินที่เยอรมันอยู่ค่ะ ทำmriที่ไทยพบก้อนเนื้อในสมองมีลักษณะคล้ายabscessเป็นถุงแต่มีของหยุกหยุยเหมือนหยากไย่ข้างใน. Radiologist เขียนว่าเป็น left subcortical parietal mass ค่ะ หมอที่เยอรมันผ่าตัดทันทีค่ะ ครั้งแรกทำ biopsy + drain ของเหลวออกจากsac และได้รับ Keppra แฟนบอกว่าอาการชาดีขึ้นมากและชักเบาและน้อยลงอย่างมากค่ะ หลังเจาะไม่มีcomplication+ตอบสนองต่อยาดีมาก หมอนัดผ่าextractทั้งก้อนออกวันจันทร์ที่2ม.ค.นี้ค่ะ บางท่านตั้งข้อสังเกตว่าก้อนเนื้ออาจเป็นสาเหตุของsdที่ผ่านมาด้วยค่ะ ช่วยภาวนาให้ผ่าตัดราบรื่นด้วยนะคะ

Guest

แจ้งความคืบหน้าค่ะ โชคไม่ดี..ผลตรวจเซลล์ออกมาว่าเป็น glioblastoma ค่ะ T_T ผ่าตัดออกได้95% เตรียมทำคีโมและฉายแสงเดือนหน้าค่ะที่เยอรมัน หลังผ่าตัดมีซีกขวาอ่อนแรงและเดินไม่ได้ หลังกายภาพบำบัด2สัปดาห์เริ่มดีขึ้นมากค่ะ ตอนนี้เดินได้เองดูแลตัวเองได้แล้วค่ะ(แบบslow motion)

นพ.ชาคริต

ในปัจจุบันทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมากครับ ถึงแม้ว่าจะเป็น glioblastoma ก็ยังสามารถรักษาแบบประคับประคองได้ ถึงแม้ว่ามักจะไม่หายขาดก็ตาม 

อย่างน้อยการรักษาก็ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นได้ และอาการสามารถดีขึ้นอย่างช้าๆได้ครับ