เรื่องลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนและทำให้เกิดความเครียดและสับสนได้บ่อยครั้งค่ะ
อย่างแรกต้องมาประเมินค่าการวัดผลก่อน คือต้องดูความสัมพันธ์ของน้ำหนักกับส่วนสูงด้วยนะคะ ในที่นี้หมอขอเดาว่า น้ำหนักยังเกินอยู่จริงแต่ไม่แน่ใจว่าเกินไปมากเท่าไหร่ ลำดับต่อมาคือดูปริมาณของไขมันและกล้ามเนื้อ กล่าวคือกล้ามเนื้อจะหนักกว่าไขมัน ในปริมาณที่เท่ากัน เพราะฉะนั้นต้องทำความเข้าใจว่า หากเราเบิร์นไขมันไป 1kg และสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มมา 1kg น้ำหนักก็จะยังคงเท่าเดิม แต่รูปร่างจะเล็กลงไปอย่างน้อย 50% นะคะ ดังนั้นหมออยากแนะนำให้ดูสัดส่วนร่างกาย ประกอบไปกับน้ำหนักด้วยค่ะ
อย่างที่สองคือปริมาณแคลอรี่และชนิดของอาหาร ต้องสัมพันธ์กันกับปริมาณที่ร่างกายต้องใช้ค่ะ คิดง่ายๆคือควรกินให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการใช้ ประมาณ 500 แคลต่อวัน ไม่กินน้อยเกินไป เพราะร่ายกายมีระบบป้องกันตัวเอง(อดตาย)อยู่ค่ะ ความซับซ้อนจึงเกิดขึ้นตรงนี้ บางคนที่ใจร้อนอยากลดน้ำหนักฮวบฮาบ จึงประสบปัญหา"น้ำหนักติดดอย"กันอยู่บ่อยครั้ง เหมือนที่หมอเคยอธิบายไว้ที่นี่ค่ะ ลดน้ำหนักยังไง? ไม่ให้ติดดอย!
ชนิดของอาหารก็สำคัญ การลดแป้งเป็นสิ่งดีค่ะ เพราะแป้งให้แต่พลังงานแต่ไม่ช่วยในการเผาผลาญเลย ต่างกับโปรตีนที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นด้วย ลดแป้งในที่นี้ รวมถึงน้ำตาลด้วยนะคะ โดยเฉพาะมื้อเย็นและมื้อดึก มีหลายคนที่เลือกทานผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีรสหวานแทนมื้อ (ซึ่งก็คือแป้งนั่นเองค่ะ) อาจเน้นเพิ่มโปรตีน เช่น ไข่ต้ม อกไก่ ปลา หรือเนื้อสัตว์มันน้อยอื่นๆ เข้าไปในมื้ออาหารดีกว่าค่ะ
สุดท้ายคือเรื่องการเบิร์น การออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากเลยค่ะ แสดงให้เห็นว่ามีความพยายามดูแลสุขภาพอย่างยิ่งยวด หากทำเป็นประจำมาได้ระยะหนึ่งแล้วควรค่อยๆปรับเพิ่มความเข้มข้นในโปรแกรมการออกกำลังกายให้มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น เช่น เดินเร็วขึ้น ยกเวทหนักขึ้น หลายเซ็ทมากขึ้น และมีการสับเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆเป็นต้นค่ะ
สรุปคือ คิดง่ายๆว่า การที่ร่างกายคงน้ำหนักและรูปร่างที่เท่านี้แปลว่าจุดสมดุลของการกินและการเบิร์นที่ทำมาของเราอยู่ตรงจุดนี้ ถ้าอยากให้น้ำหนักลดลงกว่านี้ ก็ต้องลองปรับสมดุลของสมการนี้ใหม่อย่างถูกวิธีตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นค่ะ
หมอหวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นตัวช่วยปลดล็อคน้ำหนักคิดดอยได้ และขอเอาใจช่วยให้มีรูปร่างสวยสุขภาพดีสมความตั้งใจนะคะ.