พูดคุยกับแพทย์อย่างเป็นส่วนตัว ผ่านแอพ Chiiwii
ปริม
สวัสดีค่ะ เรียนสอบถามคุณหมอค่ะ คุณแม่อายุ 77 ปี ป่วยเป็นมะเร็งตับ (ขนาด 17.5 เซนติเมตร) เพิ่งทราบเมื่อเดือนธันวาคม 2561 คุณหมอเจ้าของไข้แจ้งว่า คุณแม่จะอยู่ได้อีก 6 เดือน ซึ่งตอนนี้ เกินกำหนด 6 เดือนแล้ว แต่ว่าท่านอ่อนแรงลงมาก ตาจะหลับตาตลอด ไม่กลืนข้าวกลืนน้ำ จะอมไว้ในปาก แล้วค่อยๆ กลืน คุณหมอเจ้าของไข้บอกว่า แม่จะทานน้อยลงเรื่อยๆ ในช่วงนี้เราจะดูแลให้อาหารท่านอย่างไรได้บ้าง ไม่อยากให้อาหารทางสายยางค่ะ หรือเจาะใส่สายต่างๆ ค่ะ (ท่านแจ้งไว้ว่าไม่ต้องเจาะอะไรแม่ ปล่อยแม่อยู่ไปเรื่อยๆ เจาะแล้วแม่เจ็บ แม่บอกว่าเจาะก็ตาย ไม่เจาะก็ตาย) หัวอกคนเป็นลูกเครียดมากเลยค่ะ
พญ.ปิยวรรณ
สวัสดีค่ะ
การให้อาหารทางสายยาง หรือน้ำเกลือไม่ได้ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายดีขึ้นค่ะ และไม่ช่วยเพิ่มระยะเวลาการรอดชีวิตด้วยค่ะ
ดังนั้นอย่างที่คุณแม่และลูกสาวตัดสินใจว่าจะไม่ใส่สายยาง หรือให้อาหารทางน้ำเกลือเหมาะสมแล้วค่ะ
การดูแลด้านอาหาร เป็นปกติที่คุณแม่จะทานอาหารน้อยลง และไม่อยากทาง แต่ส่วนมากคนไข้จะไม่มีอาการทุกข์ทรมานจากการไม่รับประทานอาหาร เพราะร่างกายไม่ได้ต้องการพลังงานจากสารอาหารมากเท่าไร แต่เข้าใจหัวอกลูกสาวนะคะ ที่เห็นคนที่เรารักรับประทานอาหารไม่ได้จะเกิดความกังวล
ที่ทางญาติช่วยทำได้คือ เปลี่ยนอาหารเป็นรูปแบบน้ำ เช่นนม อาหารปั่น น้ำซุป หรือโยเกิร์ตคนไข้จะรับประทานได้ง่ายกว่าอาหารที่ต้องเคี้ยวค่ะ ดูแลสุขภาพในช่องปาก จิบน้ำหรืออมน้ำแข็งบ่อยๆจะทำให้คนไข้รู้สึกสบายตัวขึ้น รักษาความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก และที่จริงญาติก็ช่วยดูแลคนไข้ทางอื่นได้นอกเหนือจากการโฟกัสเรื่องอาหาร เช่นบีบนวด เช็ดตัว เพราะคนไข้ระยะสุดท้ายมักไม่ต้องการรับประทานอาหารค่ะบางครั้งการไม่รับประทานอาหารคนไข้อาจจะสบายตัวกว่าด้วยค่ะ ยิ่งกลุ่มโรคมะเร็งในช่องท้อง
ช่วงนี้จะเหนื่อยมากทั้งญาติและคนไข้นะคะ หมอขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
Read more comments...
Guest
คือพ่อเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ระยะที่3กว่า แต่ตอนนี้ผ่าออกแล้วที่รพ.จุฬาภรณ์ค่ะ แต่มะเร็งมันเหมือนลาม คุณหมอเลยต้องตัดต่อมบางอย่างออก ไม่ทราบว่าต่อมอะไร ทำให้ตัวบวมขาบวม และไข่บวมค่ะ หลังจากนั้นยุบ แต่หลังผ่าตัดพ่อมีอาการอ่อนเพลียมากๆ ไม่สดชื่น หมดแรงตลอดเวลา ถามหมอ หมอก็บอกคิดไปเอง แต่พ่อเค้าหมดแรงจริงๆค่ะ อยากทราบว่ามันเป็น effectหลังผ่าตัดหรอคะ ทำอย่างไรถึงจะหายจะ พ่อลองกินยาทุกอย่างแล้วไม่หายค่ะ
อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ ว่าที่ตัดออกไปคือ
ลูกอัณทะ หรือ ต่อมลูกหมาก คะ
และชื่อยาที่ใช้ในการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากค่ะ
เพราะสาเหตุที่ทำให้อ่อนเพลียในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก นั้นเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุมากค่ะ
สวัสดีครับ พี่สาวผมมีปัญหาสุขภาพและปรึกษาเกี่ยวกับการทานอาหารไม่ค่อยได้ มักจะอาเจียรออกมาจนน้ำหนักลดลงมาก ปรึกษาแพทย์แล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่ทราบสาเหตุ โดยแพทย์แนะนำให้ทำ CT scan ช่วงท้องเพื่อวินิจฉัยครับ ทีนี้พี่สาวได้ยินมาว่าการทำ CT scan จะทำให้ผู้ที่รับการตรวจรับสารกำมันตรังสี และเสี่ยงเป็นมะเร็ง จึงกังวลและยังไม่กล้ารับการตรวจ CT scan ครับ ผมจึงขอสอบถามข้อมูลความเสี่ยงจากการตรวจ CT scan ที่ถูกต้องด้วยครับ ขอบคุณครับ
การทำ CT scan มีความจำเป็นต้องฉีดสารทึบรังสี (contrast media) เพื่อความแม่นยำในการวินิจฉัย ซึ่งอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้น้อยมากประมาณ 1 ต่อ 2000 รายค่ะ แต่ทว่าประชากรทั่วไปมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงถึง 1 ต่อ 5 ราย ในตลอดช่วงอายุขัย
ดังนั้นในทางการแพทย์หากสงสัยโรคร้ายแรง โดยเฉพาะในกรณีของพี่สาวคุณ ที่มีอาการอาเจียน น้ำหนักลดลงเยอะ ก็ยิ่งทำให้สงสัยโรคร้ายแรงโดยเฉพาะโรคมะเร็ง เมื่อพิจารณาชั่งน้ำหนักผลประโยชน์ที่ได้เมื่อเทียบกับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งทางสารทึบรังสี การตรวจ CT scan เป็นเรื่องที่สมควรพิจารณาทำค่ะ เพราะถ้าหากเจอโรคร้ายแรงตั้งแต่ต้นๆก็จะได้รับผลการรักษาที่กว่าค่ะ
คุณหมอคะ อยากทราบถึงกระบวนการเกิดมะเร็งเต้านมค่ะ
การเกิดของโรคมะเร็งเต้านมเกิดจากหลากหลายสาเหตุร่วมกันค่ะ ทั้งด้านพันธุ์กรรม ประวัติการตั้งครรภ์และประจำเดือน รวมถึงปัจจัยการใช้ชีวิตค่ะ
กระบวนการเกิดมะเร็งเต้านม มักจะเกิดจากการเติบโตผิดปกติของเซลล์ท่อน้ำนมค่ะ หากตรวจพบก่อนที่เซลล์นี้จะกลายพันธุ์เป็นมะเร็ง การผ่าตัดเอาแค่ก้อนระยะก่อนเป็นมะเร็งเพียงอย่างเดียวก็หายขาดค่ะ จึงแนะนำให้ตรวจmammogram อย่างน้อยปีละครั้งในผู้หญิงทั่วไปที่อายุ 40-50 ปีขึ้นไปค่ะ
ด้านพันธุ์กรรมที่เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม : คนที่มีประวัติครอบครัวของมะเร็งเต้านมและรังไข่หลายๆคน หรือเกิดในผู้ป่วยอายุน้อยในครอบครัวค่ะ รวมไปถึงครอบครัวที่มีมะเร็งเต้านมในผู้ชาย
ด้านการใช้ชีวิต : ผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วน การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดกิน การสูบบุหรี่ และหากไม่เคยให้นมบุตรหรือตั้งครรภ์ จะเป็นปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านมค่ะ
off162529
ดิฉันอายุ 43 ปี ตรวจmemogramพบก้อนขนาด 5 มม มี จะเป็นมะเร็งหรือไม่ และหากเป็นจะรักษาอย่างไร มีโอกาสหายหรือไม่คะ
ปกติแล้วผล mamograms จะมีค่า BIRAD ประกอบมาด้วยค่ะ (ค่า BIRAD จะดูขนาดและหน้าตาของก้อน, ลักษณะหินปูนที่เกาะเนื้อเต้านม) ถ้าค่า BIRAD 4-5 มีโอกาสจะเป็นมะเร็งเต้านมสูง แนะนำให้ตรวจชิ้นเนื้อค่ะเพื่อยืนยันการวินิจฉัยค่ะ (ถ้า BIRAD 1-2 คือปกติ, BIRAD 3 คือยังอยู่ในขั้นต้องเฝ้าระวัง จะแนะนำใหัตรวจ mamogram ซ้ำในอีกหกเดือนค่ะ)
ดังนั้นจากข้อมูลที่ได้มา ยังไม่สามารถระบุความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านมได้ค่ะ แนะนำให้นำผล mamogram ไปปรึกษาแพทย์อีกครั้งนะคะ
การวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านม ตัองมาจากการตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยาเท่านั้นค่ะ การรักษาขึ้นกับระยะของโรค หากเป็นระยะต้นสามารถหายขาดได้ค่ะ
การตรวจเลือดเราสามารถที่จะหาความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งได้หรือไม่
สามารถตรวจได้เฉพาะบางโรคมะเร็งค่ะ เช่นการตรวจเลือดหายีนมะเร็งเต้านมชนิด BRCA mutation ในคนที่มีประวัติครอบครัวมะเร็งเต้านมและรังไข่หลายๆคนค่ะ และการตรวจหายีนความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ (APC, MMR) ในคนที่ประวัติมะเร็งลำไส้ในครอบครัวชัดเจนเช่นเดียวกัน
สำหรับการตรวจค่ามะเร็งในเลือดเช่น CEA,AFP, PSA,CA12-5 ไม่ได้ช่วยบอกความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งค่ะ
ถ้าอยากตรวจหามะเร็งระยะเริ่มแรก วิธีที่ได้ประโยชน์ชัดเจนที่สุด คือตรวจคัดกรองโรคมะเร็งตามช่วงอายุค่ะ เช่น
ana
ดิฉัน อายุ 28 ปี ประมาณ ม.ค.60 มีเลือดออกที่หัวนมด้านซ้าย เลือดออกเล็กน้อย พอเวลากดจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ไปพบหมอ หมอคลำแล้วไม่เจอก้อน หมอนัด 1 สัปดาห์ เพื่อดูอาการและ U/S เต้านม หลังจาก 1 สัปดาห์ U/S ผล หมอบอกว่าปกติ ตอนที่ U/S ไม่มีเลือดออกแล้ว หลังจาก 2 สัปดาห์ เลือดออกที่หัวนมอีกครั้ง ไปพบหมอ ดูผล U/S เดิม พบมี ก้อนประมาณ 2 มม. หมอนัดดูอาการ 1 เดือน ถ้ามีเลือดออกอีก วางแผนจะผ่าท่อน้ำนมและให้ยาฆ่าเชื้อ มาตามนัด 1 เดือน เลือดหยุดไหลแล้ว ทุกครั้งที่มาพบหมอตามนัด เลือดจะหยุดไหลตลอดค่ะ คุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ที่พบก้อน 2 มม.ไม่ต้องกังวล คล้ายๆเป็นสิวค่ะ จากนั้นประมาณ 18 วัน เลือดออกที่หัวนมอีกครั้ง ดิฉันมาพบหมอ คลำไม่เจอก้อน หมอสงสัยอาจจะติดเชื้อ และก้อนที่เจอ 2 มม.จากผล U/S เดิม ไม่อันตราย ดิฉันอยากสอบถามคุณหมอค่ะ ว่าอาการที่เลือดออกที่เต้านม เดี๋ยวก็มีเลือดออก เดี๋ยวก็หยุด เกิดจากสาเหตุอะไรคะ และจะเป็นอะไรร้ายแรงไหมคะ ตอนนี้ดิฉันมีก้อนที่บริเวณขาหนีบ ประมาณ 2 ซม. สาเหตุเกิดจากอะไรคะ ดิฉันกังวลมากค่ะ ว่าจะเป็นอะไรมากกว่านี้ ขอบคุณคุณหมอมากคะ
อาการเลือดออกจากหัวนม นั้นเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ โดยส่วนมากเป็นความผิดปกติของท่อน้ำนมชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง (papilloma) ในคนอายุน้อยกว่า 40 ปี ที่มีเลือดออกจากหัวนม มีส ถิติว่าเป็นมะเร็งเต้านมแค่ 3% ค่ะ ดังนั้นถ้าตรวจร่างกายปกติ และ U/S พบก้อนขนาดเล็กไม่มีการเปลี่ยนแปลงโอกาสจะเป็นมะเร็งเต้านมน้อยค่ะ แนะนำให้ตรวจติดตามกับคุณหมอที่ดูแลดูอย่างต่อเนื่องนะคะ เพื่อคอยตรวจร่างกายโดยเฉพาะเต้านมและต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้เป็นระยะๆ
สำหรับก้อนที่ขาหนีบ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งค่ะ โอกาสที่จะสัมพันธ์กับเรื่องเลือดออกที่หัวนมน้อยค่ะ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการติดเชื้อที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ตรวจเพิ่มเติม รวมถึงการตรวจภายในด้วยค่ะ
สำเร็จ