อาการเวียนศีรษะแบบมีบ้านหมุนร่วมด้วย คนไข้จะรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวหมุน. หรือรุ้สึกว่าตนเองหมุนไปทั้งที่จริงแล้ว ตนเองนั้นยืนอยู่นิ่งๆ มักเสียการทรงตัวร่วมด้วย ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เหงื่อแตก ใจสั่น หูอื้อ การได้ยินลดลง มีเสียงดังในหู สาเหตุหลักๆ มาจาก 2 ส่วน คือ
1. ความผิดปกติที่สมอง เช่น หลอดเลือดสมองแตกหรือตีบ อาการบ้านหมุนนั้นจะรุนแรงมากและเป็นนานร่วมกับมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่น พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง เสียการทรงตัว ให้พึงระวังในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ซึ่งหากสงสัยให้รีบพาไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดค่ะ
2. ความผิดปกติที่หู เนื่องจาก หูชั้นในมีหน้าที่ในการควบคุมเรื่องของการทรงตัวและการได้ยิน ดังนั้นหากมีความผิดปกติที่หูชั้นในจึงส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดการเสียการทรงตัว และมีบ้านหมุนได้ค่ะ โรคที่เจอได้บ่อยๆ คือ
2.1 โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน : พบได้บ่อยสุด มักมีอาการตอนเปลี่ยนท่านั้นๆ เช่น ล้มตัวลงนอน ตะแคง เงยหน้า ก้มหน้า และมีอาการบ้านหมุนเป็นไม่นาน แล้วค่อยๆหายไป ไม่มีเสียการได้ยิน หรือเสียงดังในหู
การรักษา ใช้การกายภาพเพื่อให้หินปูนเข้าที่ อาการเวียนหมุนก็จะหายไปค่ะ
2.2 โรคน้ำในหูชั้นในไม่เท่ากัน หรือโรคมีเนียร์ : เป็นโรคที่มักจะได้ยินบ่อยๆ แต่จริงๆแล้วยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาการบ้านหมุนจะเป็นนาน เป็นนาที ในขณะที่มีอาการบ้านหมุนนั้นจะพบว่ามีอาการแน่นหู หูอื้อ ได้ยินลดลง หรือมีเสียงดังในหู
การรักษา หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ชา กาแฟ อาหารเค็มๆ ร่วมกับทานยา หากเป็นรุนแรงมาก อาจต้องใช้การผ่าตัดร่วมด้วยค่ะ
2.3 หูชั้นในอักเสบ : อาจพบได้ทั้งจากการติดเชื้อไวรัส เช่น มีอาการบ้านหมุนอย่างรุนแรงหลังจากเป็นหวัด หรือจากเชื้อแบคทีเรียในผู้ป่วยที่มีหูชั้นกลางอักเสบอยุ่ก่อนแล้ว มักพบร่วมกับการสุญเสียการได้ยินร่วมด้วย
2.4 ประสาทหูชั้นในอักเสบ : อันนี้จะแตกต่างจากหูชั้นในอักเสบตรวที่ การได้ยินจะปกติ แต่อาการบ้านหมุนจะพบได้คล้ายๆกัน
2.5 เนื้องอกที่ประสาทหู : พบได้ไม่บ่อย คือจะมีอาการบ้านหมุน เสียการได้ยิน บางครั้งมีเสียงดังในหู หากทิ้งไว้นาน เนื้องอกโตขึ้นอาจพบเรื่องหน้าเบี้ยว เดินเซ หรือมีความผิดปกติทางระบบประสาทได้ค่ะ การรักษามีหลายวิธี ตั้งแต่ ผ่าตัด, ฉายแสง
สาเหตุของอาการบ้านหมุนมีหลายอย่างมาก จำเป็นต้องได้รับการตรวจร่างกายทั้งตรวจหู ตรวจการกระตุกของตา การทรงตัว ระบบประสาท และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจการได้ยิน เป็นต้นมาประกอบกันเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง จะได้นำไปสู่การรักษา
ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้ค่ะ ควรหลีกเลี่ยงค่ะ