พูดคุยกับแพทย์อย่างเป็นส่วนตัว ผ่านแอพ Chiiwii

  • Q ผอมไป น้ำหนักต่ำกว่า BMI
    18-04-2017 20:55:31

    น้ำหนักตัวน้อย ตำ่กว่าค่ามาตรฐาน BMI ตอนตรวจสุขภาพ คุณหมอบอกให้พยายามเพิ่มน้ำหนัก อยากเพิ่มน้ำหนักแบบสุขภาพดี ทำอย่างไรดีคะ สูง 167 ตอนนี้หนัก 48 ค่า พยายามทานเพิ่มแต่ก็ทานเพิ่มได้ไม่มากค่า ขอบคุณค่า


    19-04-2017 19:04:09

    ส่วนมากคนที่น้ำหนักน้อยเกินไป เป็นเนื่องจากกล้ามเนื้อน้อยค่ะ ซึ่งในระยะยาวเป็นผลเสียต่อกระดูกและข้อซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของร่างกาย โดยเฉพาะในผู้หญิง จะทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกบางและข้อเสื่อมมากขึ้น 

    ดังนั้นวิธีการเพิ่มน้ำหนักแบบสุขภาพดีควรเน้นการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง โดยเฉพาะไข่และเนื้อสัตว์ (ถ้าเป็นคนทานน้อย แนะนำดื่มwheyโปรตีน เพิ่มจากมื้ออาหารได้เลยค่ะ)

    ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การยกเวท โยคะ พิลาทีส เป็นต้นค่ะ เลือกวิธีที่ชอบ เน้นความสม่ำเสมอเป็นสำคัญ อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวันนะคะ 

    ขอให้อดทน ใจเย็นๆนะคะร่างกายจะค่อยๆสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้น และรูปร่างจะฟิตแอนด์เฟิร์มมากขึ้นได้ในที่สุดค่ะ 


  • Q โรคอ้วนกับน้ำหนักเกินเหมือนกันไหมครับ
    11-04-2017 20:40:22

    ผมพยายามลดน้ำหนักอย่างจริงจังมาเป็นเวลา 1ปีกว่า พยายามอย่างมาก วิ่งมาเยอะมาก เพื่อรักษาจากโรคอ้วน อาจทราบว่าระว่างโรคอ้วนกับน้ำหนักเกิน เหมือนกันไหมครับ ถ้าไม่เหมือนกัน จะแยกความแตกต่าง 2อาการนี้ด้วย หลักเกณฑ์ใดบ้าง


    13-04-2017 21:59:41

    เกณฑ์การจำแนกของ world health organization (WHO) แนะนำให้ใช้ค่าดัชนีมวลกาย (Body mass index หรือ BMI) เป็นหลักค่ะ โดยคำนวณจาก น้ำหนัก(หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วย ส่วนสูง(หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลังสอง 

    ค่าปกติ 18.5 - 24.9

    ภาวะน้ำหนักเกิน (Overweight) 25 - 29.9

    โรคอ้วน (Obesity) 30 ขึ้นไป ค่ะ


  • Q การทานวิตามิน
    23-03-2017 21:57:44

    เนื่องจากหน้าที่ของตับและไตคือการกรองของเสียและสารพิษรวมถึงปฏิชีวนะที่เข้าสู่ร่างกาย หากทานวิตามินทุกวัน แม้จะเป็นวิตามินเกรดพรีเมียม แต่ทั้งหมดสกัดจากสารสังเคราะห์ ตับและไตไม่ต้องทำงานหนักหรอคะ


    26-03-2017 15:21:29

    สารอาหารทุกอย่าง รวมทั้งวิตามินและอาหารเสริมที่เราทานเข้าไปล้วนผ่านการย่อยและดูดซึมไปใช้ประโยชน์ในร่างกาย จากนั้นส่วนที่เหลือจากการใช้งานและของเสียที่เกิดจากการทำงานของร่างกายก็จะถูกกำจัดออกจากร่ายกายโดยตับและไตเป็นหลัก ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกทานอาหารหรือวิตามินใดๆก็ตาม ควรพึงระลึกว่าประโยชน์ที่ร่างกายได้รับนั้นคุ้มค่ากับการทำงานของตับและไตหรือไม่อยู่เสมอค่ะ 

    ส่วนเรื่องของวิตามินเกรดพรีเมี่ยมนั้น หมอเคยอธิบายไว้ที่นี่ค่ะ 

    การทานวิตามินและอาหารเสริม

  • Q วิตามินบำรุงร่างกาย
    23-03-2017 17:00:30

    เรียนคุณหมอค่ะ - อยากทราบว่า มีวิตามินตัวไหนแนะนำบ้างค่ะ ที่ช่วยเพิ่มในกลุ่มของโปรตีน เพราะเท่าที่เคยปรึกษาครั้งแรก อาหารแต่ละวันส่วนใหญ่ไม่เพียงพอและหลัก ๆ จะเป็นแป้งและน้ำตาล วิตามินที่ทานเข้าไปไม่เพียงพอ ควรจะเสริมวิตามินอะไรอีกบ้างค่ะ


    27-03-2017 22:50:59

    อาหารเสริมกลุ่มโปรตีน ง่ายที่สุดก็เป็น เวย์(whey)โปรตีน แบบผง ชงน้ำดื่มค่ะ อาจเพิ่มไข่ และเนื้อสัตว์ในมื้ออาหาร ให้ได้แร่ธาตุอื่นๆให้ครบถ้วนค่ะ

    ส่วนจะทานวิตามินอะไรเสริมบ้างนั้น ขึ้นกับแต่ละบุคคลจริงๆค่ะ ถ้าแนะนำกว้างๆสำหรับคนทั่วไปคงจะต้องเริ่มที่วิตามินรวม, วิตามินซี, และแอสตร้าแซนทีนค่ะ แต่อาหารเสริมยังไงก็ไม่สู้อาหารที่ดีและหลากหลายในแต่ละวันนะคะ ทั้งในแง่ของคุณภาพและการดูดซึม ยกเว้นว่าทานอาหารเต็มที่แล้ว ยังอยากแก้ข้อบกพร่องบางส่วนเพิ่มเติม ถึงจะแนะนำให้เติมด้วยวิตามินเป็นกรณีไปค่ะ

    ถ้าอยากได้สุขภาพที่ดีจากภายใน แนะนำให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน ควบคู่ไปกับการทานอาหารที่เหมาะสมค่ะ ทำได้แค่สองอย่างนี้ก็มีชัยไปเกือบร้อยแล้วค่ะ :)

  • Q ทานวิตามินเสริมหลายตัว
    22-03-2017 11:07:51

    อยากสอบถามคุณหมอเรื่องการทานวิตามิน - ปกติไม่ค่อยมีเวลาทานอาหาร แต่ละวันจะได้ทานแค่โยเกริต์ 2 - 3 ถ้วยไข่ต้ม 1 ฟอง นมเปรี้ยวขวดเล็ก 1 ขวด ผลไม้พวกมะละกอ องุ่น นิดหน่อย มีทางแป๊ะก๋วยบ้างค่ะ รู้สึกร่างกายอ่อนเพียล และไม่สดใจ หน้าตาก็หมองคล้ำเลยไปหาวิตามินมาทานเป็นตัวช่วยค่ะ 1. สมุนไพรบำรุงเลือดจากดอกคำฝอย 2. fish oil 1000 mg 3. AEC grape seed 4. อะเซโรล่า เชอร์รี่ 1000 mg 5.วิตามินซี 1000 mg ทานแบบนี้จะเป็นอันตรายอะไรหรือไม่ค่ะ


    23-03-2017 12:07:05

    อาหารที่รับประทานในแต่ละวันยังมีสัดส่วนของโปรตีนค่อนข้างน้อย (ไข่ต้มวันละฟอง) และจะเห็นว่าเป็นอาหารกลุ่มที่ซ้ำกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ โยเกิร์ต, นม, ผลไม้, แปะก้วย ซึ่งจะเป็นแป้งและน้ำตาลเป็นหลัก สารอาหารค่อนข้างน้อยค่ะ กินวิตามินเสริมทั้งหมดที่กล่าวมา ยังไงก็ยังไม่เพียงพอต่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีค่ะ ควรปรับการรับประทานอาหารแต่ละวันให้หลากหลาย มีโปรตีน (ไข่ และเนื้อสัตว์) และ ผักหลากชนิดให้มากขึ้นนะคะ ปริมาณขึ้นกับน้ำหนักตัวและกิจวัตรประจำวันค่ะ แล้วอย่าลืมนอนพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ

    หวังว่าจะมีสุขภาพที่ดีและสดชื่นมากขึ้นนะคะ ผิวที่ดีหน้าตาที่สดใสจะเผยออกมาจากสุขภาพภายในที่ดีแน่นอนค่ะ

  • Q น้ำหนักตัวมาก
    20-02-2017 13:05:16

    การควบคุมน้ำหนักทำได้อย่างไรบ้างครับ


    24-02-2017 15:21:48

    เลือกรับประทานอาหารที่ดี ในชนิดและปริมาณที่เหมาะสม กับที่เราจำเป็นต้องใช้ในแต่ละวัน ไม่ให้แคลอรี่มากเกินไป และถ้าจะลด ก็ไม่ควรลดเกิน 500 แคลอรี่ต่อวันค่ะ ประกอบกับการออกกำลังกายเพิ่มการเผาผลาญไขมัน หรือพลังงานส่วนเกินอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30นาทีต่อวัน เป็นประจำทุกวันค่ะ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่นะคะ ลดน้ำหนักยังไง? ไม่ให้ติดดอย!

  • Q มีปัญหาในการลดน้ำหนัก
    18-02-2017 18:50:19

    น้ำหนักลงที่(ประมาณ 99-101 กิโลกรัม) มาเป็นเวลา 2 เดือน แล้ว ไม่ไปไหนเลย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ(เดิน 6 กิโลเมตร 1 ชั่วโมง 6-7วันต่อสัปดาห์) เวทเทรนนิ่งสม่ำเสมอ(5-6 วันต่อสัปดาห์ เน้นเฉพาะกล้ามเนื่อใหญ่ หน้าอก หลัง หน้า ก้น สลับกันไป) การกินก็ เช้า ข้าวสวยประมาณ2ถ้วย กับผัก(ใบเขียว)ลวกกับไข่ดาว กุ้งหรือหมึกสลับกันไป ประมาณ 400kcal ทานเวลาประมาณ 10-11 โมง มื้อหลังออกกำลังกาย(มื้อหลังออกกำลังกาย) เป็นข้าวไรเบอรี่ประมาณ 1 ถ้วย กับข้าวเล็กน้อย ประมาณ400แคลลอรี่ เมนูเดียว มื้อเย็นก็พยายามไม่ทานแป้ง เน้นผักและผลไม้ น้ำเต้าหูบางทีก็เกินเลยบ้างถ้าแม่ทำเอง แต่ก็ไม่น่าเกิน 1000กิโลแคลลอรี่ น้ำหนักผมค้างมานานมาก ไม่อยากชั่งน้ำหนักเลย รู้สึกแปลกๆ ผมพลาดจุดไหนไปก็ไม่ทราบ


    20-02-2017 11:12:05

    เรื่องลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนและทำให้เกิดความเครียดและสับสนได้บ่อยครั้งค่ะ 

    อย่างแรกต้องมาประเมินค่าการวัดผลก่อน คือต้องดูความสัมพันธ์ของน้ำหนักกับส่วนสูงด้วยนะคะ ในที่นี้หมอขอเดาว่า น้ำหนักยังเกินอยู่จริงแต่ไม่แน่ใจว่าเกินไปมากเท่าไหร่ ลำดับต่อมาคือดูปริมาณของไขมันและกล้ามเนื้อ กล่าวคือกล้ามเนื้อจะหนักกว่าไขมัน ในปริมาณที่เท่ากัน เพราะฉะนั้นต้องทำความเข้าใจว่า หากเราเบิร์นไขมันไป 1kg และสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มมา 1kg น้ำหนักก็จะยังคงเท่าเดิม แต่รูปร่างจะเล็กลงไปอย่างน้อย 50% นะคะ ดังนั้นหมออยากแนะนำให้ดูสัดส่วนร่างกาย ประกอบไปกับน้ำหนักด้วยค่ะ

    อย่างที่สองคือปริมาณแคลอรี่และชนิดของอาหาร ต้องสัมพันธ์กันกับปริมาณที่ร่างกายต้องใช้ค่ะ คิดง่ายๆคือควรกินให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการใช้ ประมาณ 500 แคลต่อวัน ไม่กินน้อยเกินไป เพราะร่ายกายมีระบบป้องกันตัวเอง(อดตาย)อยู่ค่ะ ความซับซ้อนจึงเกิดขึ้นตรงนี้ บางคนที่ใจร้อนอยากลดน้ำหนักฮวบฮาบ จึงประสบปัญหา"น้ำหนักติดดอย"กันอยู่บ่อยครั้ง เหมือนที่หมอเคยอธิบายไว้ที่นี่ค่ะ ลดน้ำหนักยังไง? ไม่ให้ติดดอย!

    ชนิดของอาหารก็สำคัญ การลดแป้งเป็นสิ่งดีค่ะ เพราะแป้งให้แต่พลังงานแต่ไม่ช่วยในการเผาผลาญเลย ต่างกับโปรตีนที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นด้วย ลดแป้งในที่นี้ รวมถึงน้ำตาลด้วยนะคะ โดยเฉพาะมื้อเย็นและมื้อดึก มีหลายคนที่เลือกทานผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีรสหวานแทนมื้อ (ซึ่งก็คือแป้งนั่นเองค่ะ) อาจเน้นเพิ่มโปรตีน เช่น ไข่ต้ม อกไก่ ปลา หรือเนื้อสัตว์มันน้อยอื่นๆ เข้าไปในมื้ออาหารดีกว่าค่ะ 

    สุดท้ายคือเรื่องการเบิร์น การออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากเลยค่ะ แสดงให้เห็นว่ามีความพยายามดูแลสุขภาพอย่างยิ่งยวด หากทำเป็นประจำมาได้ระยะหนึ่งแล้วควรค่อยๆปรับเพิ่มความเข้มข้นในโปรแกรมการออกกำลังกายให้มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น เช่น เดินเร็วขึ้น ยกเวทหนักขึ้น หลายเซ็ทมากขึ้น และมีการสับเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆเป็นต้นค่ะ 

    สรุปคือ คิดง่ายๆว่า การที่ร่างกายคงน้ำหนักและรูปร่างที่เท่านี้แปลว่าจุดสมดุลของการกินและการเบิร์นที่ทำมาของเราอยู่ตรงจุดนี้ ถ้าอยากให้น้ำหนักลดลงกว่านี้ ก็ต้องลองปรับสมดุลของสมการนี้ใหม่อย่างถูกวิธีตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นค่ะ 

    หมอหวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นตัวช่วยปลดล็อคน้ำหนักคิดดอยได้ และขอเอาใจช่วยให้มีรูปร่างสวยสุขภาพดีสมความตั้งใจนะคะ. 


  • Q การทานวิตามินและอาหารเสริม
    12-01-2017 17:06:20

    ขอสอบถามค่ะ เนื่องจากมีความสนใจการทานอาหารเสริมวิตามิน โดยส่วนตัวได้ทานมาระยะนึงแล้วประมาณ 1 ปี ตรวจค่าตับไต ปกติค่ะ อยากทราบว่า กระแสการทานวิตามินที่นิยมทานแบบเกรดพรีเมียมของต่างประเทศ จำนวนหลายชนิดต่อวัน ไม่อันตรายจริงหรือไม่คะ โดยทานแบบต่อเนื่องไม่หยุดเลยทุกวันและโดสค่อนข้างสูง ซึ่งมีหลายคนที่ทำแบบนี้และสุขภาพแข็งแรงไม่มีปัญหาสารตกค้าง กลุ่มวิตามินที่ทาน เช่น C/Q10/ala/astaxanthin/turky tail/borage oil/pycnogenol/msm/ashwaganda/nac/dandilion /multivitamin จึงอยากทราบ ในมุมมองของแพทย์ชะลอวัย สามารถทานได้ใช่หรือไม่คะโดยไม่หยุดพัก หากเลือกยี่ห้อและวิตามินที่ผลิตดีจริง


    16-01-2017 13:03:47

    ก่อนอื่นขอนิยามคำว่า"เกรดพรีเมี่ยม"ก่อนนะคะ ถ้าหมายถึงวิตามินที่คุณภาพดีจริง สารที่ใช้มาจากแหล่งผลิตที่ดี เชื่อถือได้มีการตรวจสอบคุณภาพแน่ชัด อันนี้จะเรียกว่าเป็น "pharmaceutical grade" หรือแปลเป็นไทยคือ มาตรฐานเทียบเท่ากับการผลิตยาค่ะ อันนี้จะมีปริมาณสารอาหารตามที่ระบุไว้ ดูดซึมได้จริง ปราศจากสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายค่ะ 

    ส่วนตับและไตนั้น มีหน้าที่จัดการกับทุกอย่างที่ผ่านเข้าไปในร่างกายเราค่ะ ทั้งอาหารและอาหารเสริม ดังนั้นถ้าของที่เข้าไปแล้วดี ก็จะช่วยบำรุงตับไตและอวัยวะส่วนต่างๆ แต่ถ้าไม่ดีก็จะไปทำลายให้เสื่อมลงเร็วขึ้น ไม่ว่าอาหารหรือยา ดูตัวอย่างง่ายๆว่ามีวิตามินอาหารเสริมหรือสมุนไพรหลายชนิดที่มีฤทธิ์เป็นยา ใช้บำรุงรักษาตับ ไต หัวใจ และป้องกันมะเร็งได้ หรือยาบางชนิดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็ได้มาจากสารในธรรมชาติเหล่านี้นั่นเองค่ะ

    คำถามถัดมาคือควรกินอะไร มากแค่ไหน อันนี้ขึ้นกับบุคคลค่ะ ทั้งปริมาณที่ร่างกายแต่ละคนใช้ และปริมาณที่ได้รับจากอาหารที่เราทานกันเข้าไป ถ้าอยากได้ตัวเลขที่แน่นอน แนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าควรปรึกษาแพทย์ ประเมินการใช้ชีวิต และเจาะเลือดตรวจ เพื่อให้ได้ค่าที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุดค่ะ เพราะถ้าจะทำให้ดีจริงๆ ไปในระยะยาว เราควรมีความมั่นใจในสิ่งที่ทำค่ะ ไม่ใช่ทำแบบกลัวๆกล้าๆครึ่งๆกลางๆ ไม่รู้เงินที่เสียไปจะทำให้สุขภาพดีขึ้นหรือเปล่า หรือคอยกินๆหยุดๆ เปลี่ยนชนิดเปลี่ยนยี่ห้อไปเปลี่ยนมาเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง อันนี้ก็น่าปวดหัวเกินไปค่ะ

    คำตอบนี้อาจจะฟังดูกว้างมากๆ หวังว่าจะพอไขความกระจ่างได้บ้างนะคะ ถ้าจะประเมินกันจริงๆต้องคุยกันยาวเลยค่ะ


  • 31-10-2016 11:00:09

    สารสกัดจากเมล็ดองุ่น หรือ Grape seed extract เลยค่ะ ซึ่งประกอบด้วยสารประกอบที่เรียกว่า proanthocyanidins (เป็นสารในกลุ่ม flavonols) มีประโยชน์ในการใช้ชะลอการเสื่อมของเส้นเลือดดำ จึงนำมาช่วยในการรักษาและชะลอการเกิดเส้นเลือดขอดที่ขา รวมถึงที่ทวารหนัก หรือที่เราเรียกกันว่าริดสีดวงทวาร (hemorroids) ในระยะเริ่มต้น ที่ยังเป็นไม่มาก และยังไม่มีอาการ อารใช้ร่วมกับยาเหน็บหรือยาทาเฉพาะที่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคค่ะ 

    ขนาดที่แนะนำให้ใช้ในการรักษาคือ 300mg/วัน ใน 2 เดือนแรก และหลังจากนั้นลดเป็น 150mg/วันค่ะ

    ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ในกรณuที่มีเส้นเลือดขอดที่ขาและมีภาวะบวมน้ำที่ขาร่วมด้วยคือ น้ำหนักจะลดลงเนื่องจากการบวมน้ำลดลงค่ะ :)

  • Q อยากทราบว่าน้ำมันปรุงอาหารแบบไหนดีต่อสุขภาพ และป้องกันไขมันในเลือด...
    23-08-2016 11:25:34

    อยากทราบว่าน้ำมันปรุงอาหารแบบไหนดีต่อสุขภาพ และป้องกันไขมันในเลือดสูงได้คะ


    24-08-2016 11:20:03

    คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตที่ยังมีคนสับสนกันอยู่มากตั้งแต่เทรนด์น้ำมันหมูดีที่สุดเมื่อสองสามปีที่ผ่านมาค่ะ การปรุงอาหารนั้นมีหลายประเภท ส่วนที่สำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาเวลาจะเลือกน้ำมันคืออุณหภูมิที่ใช้ในการทำอาหารว่าเย็นหรือร้อนมากน้อยแค่ไหนค่ะ ถ้าในกรณีที่เป็นอาหารอุณหภูมิห้อง หรืออาหารที่ทานเย็น เช่น สลัดหรือยำต่างๆ หรือเอามาราดคลุกตอนอุ่นๆโดยน้ำมันไม่เดือด เช่น พาสต้า นั้น น้ำมันที่ดีควรเป็นชนิดที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ส่วนมากเป็นน้ำมันพืช เช่นน้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันงา เป็นต้นค่ะ ส่วนในกรณีที่ทำอาหารร้อน เช่นผัดหรือทอด ควรใช้ตรงกันข้ามค่ะ น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอะโวคาโด เนย และน้ำมันจากสัตว์ (ทั้งหมู, เนื้อ, เป็ด, ไก่ ได้หมดค่ะ) เหตุผลที่เลือกแบบนี้ก็เพราะว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัว(ซึ่งเป็นไขมันที่ดี) นั้น เป็นเหมือนนางเอก บอบบางและไม่ทนความร้อนค่ะ เมื่อโดนร้อนจนน้ำมันเดือด จะเกิดสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกายหลายชนิด เรียกรวมๆ ว่า โพลาร์คอมพาวด์ (Polar Compound) ซึ่งยิ่งรับประทานเป็นเวลานานก็จะยิ่งทำลายสุขภาพค่ะ ถ้าจะเลือกน้ำมันติดบ้านไว้หนึ่งอย่าง แนะนำเป็น น้ำมันมะพร้าวค่ะ เพราะทนความร้อนสูงได้ดีไม่กลายสภาพ และหากนำมาปรุงอาหารที่ไม่ร้อนด้วยตัวมันเองก็เป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วยค่ะ (น้ำมันอะโวคาโดก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดี แต่ราคาแพงกว่าและหายากในบ้านเราค่ะ) อย่างไรก็ตามนอกจากการการบริโภคน้ำมันที่ดีในปริมาณที่พอเหมาะแล้ว การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและออกกำลังกายสม่ำเสมอล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันไขมัน(ไม่ดี)ในเลือดสูงค่ะ Tricks&Tips: น้ำมันมะพร้าว (coconut oil) ในท้องตลาดมีสองแบบคือ แบบสกัดเย็น(cold-pressed coconut oil) และ น้ำมันมะพร้าวสำหรับทำอาหาร (coconut oil for cooking) น้ำมันมะพร้าวแบบสกัดเย็น(cold-pressed coconut oil) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าใช้เย็นๆค่ะ ดูง่ายๆคือจะสีใสและเป็นไขสีขาวเมื่อตั้งไว้ในอุณหภูมิห้อง ชนิดนี้จะมีประโยชน์ในการทำ oil pulling detox คือกินเปล่าๆ 1 ช้อนโต๊ะตอนเช้า หรือจะนำมาใช้ทำอาหารก็ได้ค่ะ ข้อเสียที่บางคนไม่ชอบคือจะมีกลิ่นมะพร้าวที่ค่อนข้างแรง ดังนั้นถ้าจะทำอาหารสามารถเลือกแบบที่สองคือ น้ำมันมะพร้าวสำหรับทำอาหาร (coconut oil for cooking) อันนี้จะสีเหลืองกว่า ไม่แข็งตัวในอุณหภูมิห้อง กลิ่นจะอ่อนลงมา ทำให้ปรุงอาหารได้หลากหลายมากขึ้นค่ะ

Loading ...
Success