พูดคุยกับแพทย์อย่างเป็นส่วนตัว ผ่านแอพ Chiiwii

  • Q ผื่น Seb derm ( ผื่นเซปเดริ์ม ) ควรปฎิบัติตัวอย่างไร
    16-08-2016 13:53:35

    ผมเป็นโรคseborrheic dermatitisเคยรักษาที่คลินิก หายมาหลายเดือนแล้ว ตอนนี้เริ่มมีอาการแห้งและเริ่มเหมือนจะลอกๆที่หัวคิ้วและร่องจมูก แต่ไม่คัน อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไรครับควรดูแลตัวเองอย่างไร สามารถทาครีมและล้างหน้าตามปกติในบริเวณที่เป็นได้ไหมครับ ต้องเปลี่ยนskin careมั้ยครับ


    18-08-2016 01:57:35

    เท่าที่หมออ่านจากที่คุณพลภัทรเล่าอาการ คิดว่าน่าจะเป็น ผื่น seborrheic dermatitis เห่อ นะคะ ซึ่งโรคนี้นั้น ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดที่แน่ชัดค่ะ แต่เชื่อว่าปัจจัยกระตุ้นส่วนหนึ่งเกิดจากเชื้อยีสต์กลุ่ม Malassezia และความมันบนใบหน้า ทำให้เกิดการอักเสบ และผื่นแดงมีขุยขึ้นที่บริเวณผิวที่มีต่อมไขมันมาก เช่น ใบหน้า และหนังศีรษะ ดังนั้นถ้าหากอาการกำเริบ อาจพิจารณาใช้ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ที่ไม่แรงมาก, ยาทาฆ่าเชื้อยีสต์ หรืออาจพิจารณายาทากลุ่ม topical calcineurin inhibitors (เช่น tacrolimus 0.1% ointment, pimecrolimus 1% cream) เป็นต้น ทั้งนี้การเลือกใช้ยาขึ้นกับความรุนแรงของผื่นที่กำเริบค่ะ ในช่วงที่ผื่นเห่อสามารถล้างหน้าและทาครีมได้ตามปกติค่ะ แต่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ นอกจากนี้อาจลองสังเกตตนเองว่ามีปัจจัยอะไรกระตุ้นให้ผื่นเห่อ แล้วหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านั้น เช่น ความเครียด, การพักผ่อนไม่เพียงพอ, การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาจยังไม่ใช่การรักษาหลัก ในส่วนนี้หมอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย (sensitive skin) หรือผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นและลดการอักเสบได้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ ขอบคุณค่ะ

  • Q ฝ้า กระ
    14-08-2016 16:57:15

    มีฝ้าตรงโหนกแก้มสีน้ำตาลๆอ่ะคะ แล้วก็กระน้ำตาลเตมหน้าเลยคะ เกิดจากสาเหตุอะไรคะ หนูกินวิตามินซีกับคอลลาเจนมันจะช่วยได้มั้ยคะ...


    16-08-2016 15:41:20

    ฝ้าเกิดจากได้หลายสาเหตุค่ะ ทั้งพื้นสีผิวของผู้หญิงชาวเอเชียเอง แสงแดด กรรมพันธุ์ ยาคุมกำเนิดบางชนิด การตั้งครรภ์ก็อาจทำให้ฝ้าเข้มขึ้นได้ เป็นต้นค่ะ ส่วนกระน้ำตาล อาจเป็นกระ กระแดด หรือกระเนื้อ การรักษาก็แตกต่างกันไปตามชนิดของกระค่ะ หากเป็นฝ้าการรักษาในช่วงแรกหมอแนะนำว่าสามารถใช้ยาทาเพื่อลดรอยดำได้ค่ะ แต่ต้องระวังว่า ไม่ควรซื้อครีมหน้าขาวที่ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยามาใช้ค่ะ เพราะอาจมีส่วนผสมของสาร Hydroquinone หรือ สารปรอท หรือกรดบางชนิด ทำให้เกิดผลเสียกับใบหน้าในระยะยาวได้ค่ะ นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ การปกป้องผิวจากแสงแดด การทาครีมกันแดดที่สามารถกันได้ทั้งรังสียูวีเอ ยูวีบี และ Visible light ได้ ในปริมาณที่เพียงพอ ถ้าจะดูง่าย ๆ คือกันแดดที่มี SPF 30 ร่วมกับ PA ++ ขึ้นไปค่ะ โดยดูได้ที่ฉลากของผลิตภัณฑ์ค่ะ ส่วนการรักษากระนั้น มักจะรักษาได้ด้วยการทำเลเซอร์บางชนิดค่ะ ส่วนที่คุณ Ketsuree สอบถามถึงการรับประทานวิตามินซีและคอลลาเจนนั้น เท่าที่หมอเคยอ่านงานวิจัยมา ยังไม่พบว่า มีงานวิจัยที่สามารถใช้ยาสองตัวนี้ช่วยในการรักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพนะคะ ยกเว้น การใช้วิตามินซีชนิดทา, การใช้วิตามินซีชนิดทาร่วมกับการทำ iontophoresis ค่ะ ที่มีงานวิจัยว่ามีส่วนช่วยให้ฝ้าจางลงได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ

  • Q สิวผด
    14-08-2016 16:55:35

    สิวผดบนหน้าผากทำยังไงให้หายค่ะ


    15-08-2016 20:58:00

    สิวเกิดได้จากหลายปัจจัยค่ะ หลักๆ คือ การมีชั้นผิวของรูขุมขนสร้างมากผิดปกติจนอุดตันรูขุมขน, ความมันบนใบหน้า, เชื้อสิว Propionibacterium acnes และสารกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ทำให้สิวเป็นมากขึ้นได้ เช่น ฮอร์โมน, ยารับประทานบางชนิด เช่น corticosteroids, lithium และ อาหารบางกลุ่ม เป็นต้นค่ะ ในส่วนของเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้บนใบหน้าและหนังศีรษะบางชนิด ในบางรายก็อาจเป็นสาเหตุร่วมที่ทำให้เกิดสิวได้นะคะ และมีโรคทางร่างกายบางโรค ที่มีอาการนำมาด้วยเป็นสิวได้อีกด้วยค่ะ เช่น โรคถุงน้ำรังไข่ (PCOS) ในส่วนที่คุณ Janjira สอบถามมานั้น สิวผด หรือสิวอุดตันบนหน้าผาก สามารถใช้ยาทารักษาสิวช่วยลดอาการได้ค่ะ ซึ่งยาทามีหลายชนิด เช่น ยาทากลุุ่ม Topical retinoids, ยาทากลุ่ม Azelaic acid, ยาทาฆ่าเชื้อสิว เป็นต้นค่ะ และเนื่องจากสิวอุดตันอาจมีสาเหตุมาจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ดังนั้นการหลีกเหลี่ยงก็อาจทำให้สิวดีขึ้นได้ค่ะในบางราย อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณ Janjira ไม่เคยใช้ยาใดมาก่อนเลย หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยในเบื้องต้นก่อนค่ะ เนื่องจากสิวมักต้องรักษาและติดตามต่อเนื่อง ซึ่งอาการสามารถดีขึ้นได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ

  • Q ปัญหาสิวเรื้อรัง
    12-08-2016 12:00:09

    ขอสอบถามเรื่องปัญหาสิว ตอนนี้อายุ 35 ปี เคยรักษาสิวทั้งไปคลินิกความงามฉีดและกดสิวรวมถึงซื้อยามาทาเอง แต่ก็เป็นๆหายๆเรื้อรังและไม่หายขาด เคยอ่านเจอจาก pantip ว่า สิวจะหายตอนเข้าสู่วัยกลางคน แต่ทำไมตอนนี้สิวยังเต็มหน้าอยู่ไม่หายสักที ต้องทำยังไง ฮอร์โมนมีผลมั๊ยคะ ถ้าซื้อกินยาคุมจะหายไหม เลือกยาคุมยังไงดีคะ


    13-08-2016 10:38:25

    สิวแบ่งตามการดำเนินโรคและแนวทางการรักษาเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ สิวอุดตัน และสิวอักเสบ (ซึ่งก็คือสิวอุดตันที่มีการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่มขึ้นมานั่นเองค่ะ) สิวอักเสบจะมีทั้งที่เป็นตุ่มบวมแดง หรือถ้าอักเสบมากก็จะมีหนองร่วมด้วย มีได้ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ตามความรุนแรงของการอักเสบ สาเหตุของการเกิดสิวมีขึ้นได้จากหลายปัจจัยโดยไม่เลือกอายุ มีทั้งปัจจัยภายนอก เช่น สภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น ความร้อน มลพิษ ฝุ่นควัน ปัจจัยภายใน ซึ่งมีผลมากกว่า เช่น ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ และอื่นๆซึ่งมีผลมากไม่แพ้กันนั่นก็คือพฤติกรรมของแต่ละบุคคล ภาวะเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบขับถ่ายไม่ดี การรับประทานอาหารที่ไม่ดี มีสารเคมี หวานและมันมากบ่อยๆ ก็ส่งผลกับฮอร์โมนและการอักเสบในร่างกาย และทำให้เกิดสิวหรือปัญหาผิวตามมาได้ค่ะ ภาวะแพ้อาหารแฝง ก็เป็นอีกสาเหตุที่พบว่าทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย ซึ่งมักจัะพบในคนที่เป็นสิวแบบเป็นๆหายๆ รักษาหายแล้วก็กลับเป็นใหม่ โดยที่ไม่มีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องที่ชัดเจน ในกรณีนี้ สามารถเจาะเลือดตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติมและเริ่มแก้ได้ถูกจุด การรับประทานยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิวเหมาะสำหรับคนที่มีภาวะฮอร์โมนผิดปกติ สังเกตได้ง่ายๆคือจะเป็นสิวง่ายช่วงประจำเดือน หน้ามัน ขนดก ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ ในกรณีนี้จะแนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนต่ำ เช่น Yasmin หรือ Yaz ร่วมกับการรักษาวิธีอื่นควบคู่กันไปค่ะ อย่างไรก็ตามการรักษาที่จะได้ผลดีและยั่งยืนนั้นสำคัญคือการค้นหาสาเหตุ และแก้ที่ต้นเหตุของการเกิดโรคค่ะ

  • Q Botoxฉีดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่คะ
    11-08-2016 18:26:39

    Botox เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่และความถี่ที่มากที่สุดเท่าไหร่คะ? และจริงหรือไม่ที่ฉีดบ่อยๆแล้วจะดื้อBotox?


    12-08-2016 14:12:52

    เรียน คุณ Nat - อายุที่เริ่มฉีด Botulinum toxin ได้ ขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ในการฉีดค่ะ กรณีนี้หมอเข้าใจว่าถามถึงการฉีดลดริ้วรอยใช่ไหมคะ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการฉีดตามข้อบ่งชี้ ส่วนใหญ่ยังไม่มีรายงานในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีค่ะ ยกเว้น ฉีดในกรณีรักษากล้ามเนื้อคอหดรัดผิดปกติ (cervical dystonia) ไม่ควรใช้ในเด็กอายุน้อยกว่า 16 ปี, กรณีฉีดรักษาตาเขและหนังตากระตุก ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เป็นต้นค่ะ - ความถี่ในการฉีดนั้น ไม่ควรฉีดบ่อยๆ โดยไม่จำเป็นค่ะ ถ้าเป็นไปได้ ไม่ควรฉีดถี่เร็วกว่า 3-4 เดือน และไม่ควรเปลี่ยนยี่ห้อที่ฉีดบ่อยๆ และระวัง botulinum toxin ปลอมค่ะ เพราะมีผลทำให้เกิดการกระตุ้น Antibody ในร่างกายทำให้เกิดการดื้อ botulinum toxin ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ หมอศกุนี

Loading ...
Success