พูดคุยกับแพทย์อย่างเป็นส่วนตัว ผ่านแอพ Chiiwii

  • Q มีรอยแดงขึ้นบริเวณใกล้ๆปาก และมีอาการคัน
    26-09-2016 15:28:19

    มีรอยแดงขึ้นบริเวณใกล้ๆปากถึงช่วงแก้ม และมีอาการคันค่ะ เหมือนรอยไหม้ แดง แต่ไม่แดงมาก ถัดไปมีจุดแดงขึ้น แต่ไม่ได้เป็นตุ่มนูน โดยปกติเป็นโรคภูมิแพ้ เคยถึงขั้นเป็นโพรงไซนัสอักเสบเลยค่ะ และน้ำเหลืองไม่ดีมาตั้งแต่เกิด มีพี่ชายแท้ๆเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองด้วยค่ะ ตอนนี้ ไม่ทราบสาเหตุและวิธีบรรเทาอาการเลยค่ะ คันจนนอนหลับไม่ได้ เลยเอาน้ำเกลือชุดสำลีมาเช็ดบริเวณที่คัน และเมื่อคืน ลองเอาน้ำมันมะพร้าวมาทาบริเวณคัน ดีขึ้น แต่ไม่นานก็คันอีก เป็นมา2-3วันแล้วค่ะ สิ่งที่รับประทานเข้าไปในช่วงนี้ นอกจากอาหารการกินปกติแล้ว มีอาหารเสริม ถั่งเช่าสกัด และมีคอลลาเจน เมื่อ2คืนก่อนดื่นแอลกอลฮอล์ด้วยค่ะ รบกวนช่วยแนะนำค่ะ ขอบคุณมากค่ะ


    26-09-2016 17:54:00

    จากที่หมออ่านประวัติและอาการทั้งหมดมา ผื่นแดงเพิ่งมีอาการได้ 2-3 วันใช่ไหมคะ ผื่นแดงคันบริเวณใบหน้าเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ ที่พอจะเป็นไปได้ เช่น

    - ผื่นผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม (Seborrheic dermatitis) โดยที่ผื่นอาจถูกกระตุ้นจากความเครียด พักผ่อนน้อย หรือดื่มแอลกอฮอล์ได้ค่ะ ซึ่งมักจะเป็นๆ หายๆ หรือเคยมีอาการมาก่อนหน้านี้

    - ผื่นผิวหนังอักเสบจากการระคายเคือง เช่น จากครีมที่ใช้, แมลงบางชนิด, ยาทาบางชนิด

    แต่อย่างไรก็ตามหมอไม่เห็นลักษณะผื่น รวมทั้งไม่ได้ตรวจดูลักษณะผื่นอย่างละเอียด หมอจึงอาจให้คำแนะนำได้เพียงเบื้องต้นเท่านั้นนะคะ

    หมอแนะนำว่าอาจใช้ยาทาสเตียรอยด์อ่อนๆ เพื่อลดการอักเสบของผื่น เช่น Prednicarbate cream, Hydrocortisone cream หรือ 0.02%Triamcinolone cream ตัวใดตัวหนึ่งทาบริเวณที่เป็น ร่วมกับงดการขัดถู งดการทาสารอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ถ้าทายาไปสักระยะแล้วไม่ดีขึ้นเลย หรือผื่นลุกลาม แนะนำให้ไปพบแพทย์ค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

  • Q ลูกชอบดึงผม
    24-09-2016 08:16:46

    ลูกสาวอายุ10ขวบ ชอบดึงผมตัวเอง จนตรงกลางล้านค่ะ เห็นลูกบอกคันยิบๆ ต้องไปหาหมอที่ไหนคะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเชื้อราหรือไม่


    26-09-2016 17:07:37

    ผมบางตรงกลางศีรษะในเด็ก ร่วมกับมีอาการคัน เกิดได้จากหลายภาวะค่ะ อาจต้องมาพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยแยกโรค เช่น ผมร่วงจากการดึงผมตนเอง (Trichotillomania), ผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia areata), เชื้อราที่หนังศีรษะ (Tinea capitis) และผมบางจากโรคอื่นๆ ของเส้นผมและหนังศีรษะค่ะ จากที่เล่ามา ถ้าลูกสาว มีแต่อาการคัน ไม่มีผื่นแดงเป็นปื้นสะเก็ดหนาๆ หรือมีหนองร่วมด้วย หมอไม่ค่อยสงสัยว่าเกิดจากเชื้อรานะคะ

    จากอาการที่เล่ามาทั้งหมดนั้น หมอต้องขออนุญาตเรียนตามตรงว่า หมอสงสัยภาวะที่ทำให้คนไข้มีอาการคันและดึงผมตัวเอง ภาวะหนึ่ง ที่เรียกว่า ผมร่วงจากการดึงผม หรือ Trichotillomania ค่ะ ภาวะนี้มักพบในเด็กผู้หญิงช่วงอายุนี้เลยค่ะ ซึ่งจะมีอาการคันและมีรอยเการ่วมด้วยได้ ภาวะนี้อาจเกิดจากความเครียดหรือความวิตกกังวลของเด็กแล้วแสดงออกมาเป็นการดึงผมตนเองค่ะ และอาจส่งผลที่ตามมาคือ อาจมีปัญหาด้านการเข้าสังคม ความสัมพันธ์ในครอบครัว และการเรียนได้ค่ะ แต่คุณแม่ยังไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ ภาวะนี้สามารถรักษาให้หายได้ค่ะ ยิ่งเป็นในเด็ก การพยากรณ์โรคดีมากค่ะ คือ รักษาได้และหายขาดได้ หมอแนะนำว่า ควรพาลูกสาวไปพบแพทย์ผิวหนังเด็ก หรือแพทย์ผิวหนังที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อให้คุณหมอช่วยตรวจก่อนค่ะ เพราะก่อนจะวินิจฉัยว่าเป็นภาวะนี้ได้นั้น มักจะต้องหาสาเหตุว่าไม่มีโรคอื่นๆ ของหนังศีรษะและตัดโรคเหล่านั้นออกไปก่อนค่ะ 

    ส่วนการรักษานั้นทำได้โดยการปรับพฤติกรรม การรับประทานยาปรับสารเคมีของสมอง หรือหากไม่ดีขึ้นควรปรึกษาจิตแพทย์เพื่อให้คำแนะนำในการปรับพฤติกรรมและช่วยปรับยาค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    หมอศกุนี

  • Q การรักษาโรคด่างขาว
    21-09-2016 18:19:36

    เป็นโรคด่างขาวต้องรักษาอย่างไร หายขาดหรือไม่


    21-09-2016 20:19:14

    โรคด่างขาวนั้น เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีผิวถูกทำลาย โดยยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดค่ะ โรคนี้ไม่อันตราย ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่อาจรักษาให้หายขาดได้ยากนะคะ

    โรคด่างขาวอาจเกิดขึ้นเอง หรืออาจเกิดสัมพันธ์กับโรคไทรอยด์บางชนิด โรคเบาหวาน หรือโรคของระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ เป็นต้น


    การเลือกวิธีการรักษาและผลการรักษานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ เช่น ชนิดของด่างขาว, ตำแหน่งที่เป็น, และความรุนแรงของโรค เป็นต้น การรักษาด่างขาวนั้นมีหลายวิธี ดังนี้

    1. ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้การเกิดการสร้างเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้น แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากมีหลายระดับความแรงของยาทา หากใช้อย่างไม่เหมาะสม อาจเกิดผลข้างเคียงได้ค่ะ

    2. ยาทากลุ่มยับยั้งแคลซินูริน (topical calcinurin inhibitors) ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้น 

    3. การฉายแสงอาทิตย์เทียม ต้องฉาย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องกันนานอย่างน้อย 3-6 เดือนขึ้นไปค่ะ เท่าที่หมอทราบ เครื่องฉายแสงอาทิตย์เทียมจะมีอยู่ตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ ของแต่ละภูมิภาคค่ะ นอกจากนี้การทายาควบคู่ไปกับการฉายแสง ก็ให้ผลตอบสนองค่อนข้างดีค่ะ

    4. การปลูกถ่ายเม็ดสีผิว คือการย้ายเซลล์เม็ดสีจากตำแหน่งที่มีสีผิวปกติ ไปยังตำแหน่งที่เป็นด่างขาว การรักษาวิธีนี้ไม่สามารถทำได้ในผู้ป่วยทุกราย และมักจะทำในตำแหน่งที่ใช้ยาทาและฉายแสงแล้วไม่ค่อยได้ผล เช่น ปลายมือ ปลายเท้า 

    5. การใช้รองพื้นหรือเครื่องสำอางตกแต่งปกปิดบริเวณรอยโรค

    6. การปกป้องผิวจากแสงแดด เช่น การทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ การกางร่ม เป็นต้น เนื่องจากผิวหนังขาดเม็ดสีที่ช่วยปกป้องผิวและอันตรายจากแสงแดด และเพื่อลดอาการแดงของรอยโรคหลังโดนแดดจัด

    7. นอกจากนี้ยังมียาใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยถึงผลการรักษาและผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น prostaglandin analog, สมุนไพรบางชนิด, ยาฮอร์โมนกลุ่มกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี ซึ่งยากลุ่มนี้ยังไม่แนะนำให้หาซื้อมาใช้เอง และควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ค่ะ

  • Q ผิวหนัง
    16-09-2016 15:15:10

    ถ้านิ้วมือเป็นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ควนใช้ยาตัวไหนคะ


    16-09-2016 17:39:10

    สวัสดีค่ะ คุณ Moo

    หมอขอแยกตอบคำถามนี้เป็นสองส่วนนะคะ คือส่วนที่เป็นการรักษา และ ส่วนที่สำคัญยิ่งกว่าคือการป้องกันค่ะ

    1. การรักษาในช่วงที่เป็นมาก จะใช้ยาทากลุ่มเสตียรอยด์ที่มีความแรงสูง เช่น Clobetasol หรือ Betamethasone dipropionate cream หรือ ointment และในกรณีที่คันมาก อาจทานยาแก้แพ้ช่วยลดอาการคันค่ะ เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นแล้ว (ส่วนมากภายใน 1-2 สัปดาห์) อาจใช้ยาจำพวก Tacrolimus ointment ต่อได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาเสตียรอยด์นานๆค่ะ

    2. แนวทางการป้องกันต้องเริ่มที่สาเหตุค่ะ ควรพยายามหาและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ ผื่นคันที่มือส่วนมากพบในคนที่เป็นภูมิแพ้ ผิวแห้ง ล้างมือบ่อย สัมผัสสารระคายเคือง (สารเคมี สบู่ ผงซักฟอก) เป็นประจำ และคนที่มีเหงื่ออกมากที่มือ เป็นต้นค่ะ 

    วิธีดูแลผิวที่มือคือ หลีกเลี่ยงความชื้นแฉะ การล้างมือ หรือโดนสบู่บ่อยๆ และหลังล้างมือทุกครั้ง ควรเช็ดให้แห้งและทาครีมทันที ถ้าทาhand creamหลังอาบน้ำและก่อนนอนได้ยิ่งดีเลยค่ะ

    ถ้าทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว ยังคอยกลับมาเป็นผื่นบ่อยๆ อาจต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม และทำการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นนะคะ

  • Q ปรึกษาด้านผิวแห้งลอกเป็นขุย
    15-09-2016 19:27:43

    สวัสดีคะหมอดิฉันมีปัญหาด้านผิวแห้งกร้านมากคะ ลอกเป็นขุย ปกติชีวิตประจำวันต้องนอนน้อยอยู่แล้วกลางวันอยู่แต่ในห้องแอร์ทาครีมcetaphilสำหรับผิวแห้งมากก็เอาไม่อยู่ ดื่มน้ำวันละลิตรครึ่งทานผักผลไม้สม่ำเสมอทำทุกวิถีทางผิวก็ไม่หายแห้ง มีโรคประจำตัวเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอยู่แล้ว ปกติเหงื่อก็ไม่ออกไปออกกำลังกายเหงื่อยังไม่เยอะเลยคะ รบกวนคุณหมอช่วยแนะนำวิธีบำรุงผิวให้ทีคะ ขอบคุณคะ


    16-09-2016 17:01:01

    สวัสดีค่ะ คุณ Baitong 

    จากข้อมูลที่ให้มาเข้าได้กับลักษณะผิวของคนที่เป็น ผิวภูมิแพ้ (atopic dermatitis) จริงๆค่ะ

    หมอขอแนะนำวิธีดูแลผิวของคนที่มีผิวภูมิแพ้ ง่ายๆดังนี้นะคะ

    1. พยายามหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นค่ะ หากอาบน้ำอุ่นเป็นประจำจนเคยชินแล้ว อาจลองค่อยๆปรับให้อุ่นน้อยลงเรื่อยๆค่ะ (เปลี่ยนไปอาบน้ำเย็นเลยทันที อาจจะทรมานเกินไป)

    2. ใช้สบู่อ่อนๆเวลาอาบน้ำ และใช้เท่าที่จำเป็นค่ะ อาจเริ่มด้วยการอาบน้ำเปล่าตอนเช้า เพราะตื่นเช้ามาตัวเราไม่ได้เลอะเทอะอะไรเท่าไหร่ และใช้สบู่อาบน้ำเฉพาะตอนเย็น วันละครั้งก็พอค่ะ

    3. ทาครีมหลังอาบน้ำทันทีที่เช็ดตัวเสร็จใหม่ๆ ทั้งเช้าและเย็น อันนี้อาจต้องเลือกครีมให้เหมาะกับลักษณะผิวของแต่ละคนค่ะ ครีมที่ดีขึ้นกับส่วนผสมนะคะ (..ไม่ใช่ราคา) ที่ดูได้ง่ายที่สุดคงเป็นความข้นของครีมค่ะ ลองเทลงบนมือถ้าเอียงมือแล้วไม่ไหลหกออกมาถือว่าใช้ได้ ลองใช้ดูแล้วสังเกตความชุ่มชื้นที่ผิวค่ะ ลางเนื้อชอบลางยาจริงๆ แต่ละยี่ห้อก็เหมาะกับผิวแต่ละคนไม่เท่ากันค่ะ บางคนใช้น้ำมันก็ได้ผลดีค่ะ กลุ่ม Baby oil และ น้ำมันมะพร้าว ลองเลือกที่ชอบที่ใช่เลยค่ะ ถ้าสุดท้ายใช้อะไรก็ไม่ดีเลย ลองทาวาสลีน (petroleum jelly) ดูค่ะ เหนอะหนะหน่อย แต่ดีจริงค่ะ

    ส่วนเรื่องอาหารและวิตามินก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันค่ะ สำหรับผิวภูมิแพ้ แนะนำให้เน้นที่วิตามินซี วิตามินอี และ fish oil นะคะ ถ้าแพ้ง่ายทั้งผิวหนังทั้งระบบทางเดินหายใจ ต้องคอยใช้ยาตลอด อาจลองทานอาหารเสริมกลุ่ม Beta glucan ดูช่วงสั้นๆ 3-6 เดือน อาจจะช่วยให้ดีขึ้นได้นะคะ

    หวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยให้คุณ Baitong มีสุขภาพผิวที่ดีได้ในเร็ววันนะคะ

  • Q ไทรอยด์เป็นพิษและเกิดผื่นลมพิษ
    14-09-2016 22:31:27

    หมอแจ้งว่าเป็นไทรอยด์เป็นพิษมาประมาณสองเดือนค่ะ คุณหมอเป็นอายุรแพทย์ พอรักษาได้ประมาณสามอาทิตย์ตรวจเลือดซ้ำผลเลือดคือปรกติ แต่หลังจากนั้นเกิดผื่นลมพิษขึ้น วันสองวันต่อมามีอาการเจ็บโคนลิ้นกลืนน้ำลายแล้วเจ็บ หายใจไม่ออก ไปหาหมอกลัวจะแพ้ยา หมออีกท่านให้ยารักษาไทรอยด์ตัวใหม่พร้อมยาแก้แพ้. อาการหายใจไม่ออกแน่นหน้าอกและผื่นลมพิษหายไป แต่ตอนนี้ไม่ได้กินยาแก้แพ้ผื่นลมพิษกลับมาขึ้นตลอดเวลาเลยค่ะ ใช้ชีวิตประจำวันลำบากนิดนึงเพราะอาการคันและผื่นแดง อยากทราบว่าอาการลมพิษนี่เป็นอาการของโรคไทรอยด์เป็นพิษหรือเกิดจากยาที่รักษา และต้องไปหาหมอที่เป็นโรคเฉพาะทางรึว่ารักษากับหมอเดิมจะดีที่สุดคะ


    16-09-2016 00:19:50

    ผื่นลมพิษนั้น แบ่งง่ายๆ เป็น ผื่นลมพิษเฉียบพลัน และ ผื่นลมพิษเรื้อรัง และมีสาเหตุมากมายหลายประการค่ะ

    ผื่นลมพิษที่เกิดจากยา แยกยากจากผื่นลมพิษจากสาเหตุอื่นๆ ค่ะ มักจะเป็น ผื่นลมพิษเฉียบพลัน โดยผื่นมักจะเกิดหลังรับประทานยาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน ในกรณีที่ผื่นเกิดจากกลไกการเกิดโรคผื่นลมพิษปกตินะคะ (คือมีหลายกลไกการเกิดโรคค่ะ)

    ส่วนผื่นลมพิษเรื้อรัง คือ ผื่นลมพิษที่เกิดอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ นานเกินกว่า 6 สัปดาห์ขึ้นไป มีสาเหตุมากมายค่ะ ส่วนหนึ่งสัมพันธ์กับการมีออโตแอนติบอดี้ (autoantibodies) ของโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ได้ ซึ่งอาจจะจำเป็นต้องตรวจเลือดเพิ่มเติม หรือ ทำการทดสอบทางผิวหนังค่ะ  

    ในกรณีนี้ ผู้ป่วยทานยามาสามอาทิตย์แล้วใช่ไหมคะ พร้อมทั้งหยุดยาแล้วผื่นไม่ดีขึ้น หมอคาดว่าโอกาสเป็นจากยาค่อนข้างน้อยค่ะ แต่ประเด็นนี้หมอบอกไม่ได้ชัดเจนนะคะ เนื่องจากไม่ทราบชื่อยา จึงไม่สามารถบอกได้ว่า มีปฏิกิริยาการเกิดผื่นข้ามกลุ่มยากันหรือไม่ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรจะไปพบแพทย์ผิวหนังเพิ่มเติม เพื่อให้ตรวจดูลักษณะผื่น พร้อมทั้งประเมินระยะเวลาของการรับประทานยา และช่วงที่เกิดผื่น จะปลอดภัยกว่าค่ะ

    เรื่องไทรอยด์สามารถรักษากับหมอท่านเดิมได้นะคะ แล้วแต่ผู้ป่วยสะดวกค่ะ และแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเพิ่มเติมในเรื่องของลมพิษค่ะ เพราะถ้าเป็นลมพิษเรื้อรัง หรือเป็นลมพิษที่สัมพันธ์กับโรคของต่อมไทรอยด์ จะใช้ระยะเวลารักษาต่อเนื่องนานเป็นเดือน แพทย์จะช่วยเลือกชนิดของยาแก้แพ้ที่เหมาะสม และอาจต้องรับประทานยาแก้แพ้ต่อเนื่องระยะยาวค่ะ ซึ่งจะช่วยควบคุมอาการ และลดการรบกวนชีวิตประจำวันได้ค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    หมอศกุนี

  • Q โรคขนคุด
    14-09-2016 20:50:37

    มีขนคุดขึ้นตามร่างกายค่ะ เริ่มเยอะขึ้นเมื่อเข้าสู่ข่วงวัยรุ่น จะสามารถรักษาให้หายได้มั้ยคะ


    15-09-2016 23:08:26

    เรียน คุณ Warin เนื่องจากคำถามคล้ายกับคำถามก่อนหน้า หมอขออนุญาตตอบคล้ายกันนะคะ 

    ภาวะขนคุด นั้นไม่อันตรายค่ะ ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ แต่อาจมีอาการคันได้บ้าง และอาจทำให้เรากังวลเรื่องความสวยงามค่ะ การรักษาในปัจจุบัน มียาทาที่ช่วยให้อาการทุเลาลงได้ แต่ไม่ได้ผลดีมากนัก และยังไม่มีการรักษาที่ทำให้หายขาด หมอจึงขอแนะนำการรักษา ดังนี้ค่ะ

    - หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดภาวะผิวแห้ง หลีกเลี่ยงการสครับ หรือขัดถู ไม่ทำความสะอาดผิวมากจนเกินไป เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสกปรกค่ะ ใช้สบู่เหลวอ่อนๆ ก็เพียงพอค่ะ

    -  ทาครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบ่อยๆ

    -  ยาทากลุ่มที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA cream, Salicylic acid cream, Retinoic acid cream, Urea cream ซึ่งควรจะใช้เปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นที่ไม่สูงเกินไปเพราะถ้าใช้ความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงแทนได้ค่ะ

    -  ยาทากลุ่มสเตียรอยด์อ่อนๆ ใช้ระยะสั้นๆ เช่น เมื่อมีอาการคัน

    -  นอกจากนี้ยังมีความพยายามศึกษาวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศ เกี่ยวกับการนำเลเซอร์มาใช้รักษาโรคนี้ค่ะ ซึ่งก็มีงานวิจัยทั้งการใช้ เลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์ลดความแดง เลเซอร์กลุ่มปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น ซึ่งผลการศึกษามีแนวโน้มว่าได้ผลบางส่วน ในผู้ป่วยบางราย และยังมีข้อจำกัดของจำนวนผู้ป่วยที่เข้าร่วมงานวิจัย ยังเป็นจำนวนหลักสิบค่ะ

    ดังนั้นหมอจึงขอแนะนำว่า การใช้ยาทาก็เพียงพอแล้วสำหรับบรรเทารอยโรคค่ะ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับผื่นอย่างมีความสุขค่ะ เพราะผื่นเหล่านี้ไม่อันตราย ส่วนใหญ่อยู่บริเวณต้นแขน และหลัง ซึ่งไม่ค่อยมีใครมองเห็นค่ะ :ขอบคุณค่ะ

  • Q สอบถามเรื่องรูขุมขนคด
    14-09-2016 17:52:49

    เคยไปพบแพทย์เกี่ยวกับที่เรามีจุดแดงๆ เต็มต้นแขนและต้นขาบางส่วน คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นรูขุมขนคด อยากสอบถามว่า โรครูขุมขนคดอันตรายหรือไม่ครับ และสามารถรักษาหายขาดหรือไม่ เพราะบางเวลามันจะคันมากๆ แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการอะไรครับ


    15-09-2016 22:57:47

    ภาวะขนคุด นั้นไม่อันตรายค่ะ ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ แต่อาจมีอาการคันได้บ้าง และอาจทำให้เรากังวลเรื่องความสวยงามค่ะ การรักษาในปัจจุบัน มียาทาที่ช่วยให้อาการทุเลาลงได้ แต่ไม่ได้ผลดีมากนัก และยังไม่มีการรักษาที่ทำให้หายขาด หมอจึงขอแนะนำการรักษา ดังนี้ค่ะ

    - หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดภาวะผิวแห้ง หลีกเลี่ยงการสครับ หรือขัดถู ไม่ทำความสะอาดผิวมากจนเกินไป เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสกปรกค่ะ ใช้สบู่เหลวอ่อนๆ ก็เพียงพอค่ะ

    -  ทาครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบ่อยๆ

    -  ยาทากลุ่มที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA cream, Salicylic acid cream, Retinoic acid cream, Urea cream ซึ่งควรจะใช้เปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นที่ไม่สูงเกินไปเพราะถ้าใช้ความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงแทนได้ค่ะ

    -  ยาทากลุ่มสเตียรอยด์อ่อนๆ ใช้ระยะสั้นๆ เช่น เมื่อมีอาการคัน

    -  นอกจากนี้ยังมีความพยายามศึกษาวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศ เกี่ยวกับการนำเลเซอร์มาใช้รักษาโรคนี้ค่ะ ซึ่งก็มีงานวิจัยทั้งการใช้ เลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์ลดความแดง เลเซอร์กลุ่มปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น ซึ่งผลการศึกษามีแนวโน้มว่าได้ผลบางส่วน ในผู้ป่วยบางราย และยังมีข้อจำกัดของจำนวนผู้ป่วยที่เข้าร่วมงานวิจัย ยังเป็นจำนวนหลักสิบค่ะ

    ดังนั้นหมอจึงขอแนะนำว่า การใช้ยาทาก็เพียงพอแล้วสำหรับบรรเทารอยโรคค่ะ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับผื่นอย่างมีความสุขค่ะ เพราะผื่นเหล่านี้ไม่อันตราย ส่วนใหญ่อยู่บริเวณต้นแขน และหลัง ซึ่งไม่ค่อยมีใครมองเห็นค่ะ :ขอบคุณค่ะ

  • Q เรียนปรึกษาเรื่องผมร่วงคะ
    21-08-2016 16:00:37

    เรียนคุณหมอ มีอาการ ผมร่วง ต้องรักษายังไงคะกินอาหารและวิตามินอะไรดีคะ วันละกี่มิลลิกรัม มีวิธีดูแลยังไงคะ ขอบคุณคะ


    23-08-2016 00:10:43

    อย่างแรกเลย หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของผมร่วงก่อนนะคะ เพราะผมร่วงผมบางมีได้หลายสาเหตุมากค่ะ เช่น - ผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน - ผมร่วงจากภาวะการเจ็บป่วยที่รุนแรงของร่างกาย - ผมร่วงจากผลข้างเคียงยา - ผมร่วงจากภาวะเซปเดิร์ม (seborrheic dermatitis) - ผมร่วงเป็นหย่อมชนิดกระจายทั่วศีรษะ เป็นต้น ซึ่งแต่ละภาวะที่หมอกล่าวไป จะมีลักษณะ pattern ของการร่วงของผมที่ใกล้เคียงกันค่ะ ดังนั้นจึงต้องแยกสาเหตุของผมร่วงก่อน เพราะการรักษาและยาที่ได้ผลดีนั้นแตกต่างกันค่ะ จะดีมากเลย ถ้าหมอทราบอายุที่เริ่มมีอาการผมร่วง ระยะเวลานานเท่าไหร่ที่มีอาการ ประวัติครอบครัวว่ามีผมบางผมร่วงหรือไม่ โรคประจำตัว และยาที่ทานประจำ หมอจะได้สามารถตอบลงลึกได้ค่ะ กรณีที่หมอไม่ทราบข้อมูลเหล่านี้ หมอขออนุญาต ตอบรวมๆ เฉพาะภาวะผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมนเฉพาะในผู้หญิงเท่านั้นนะคะ ภาวะนี้กลไกการเกิดโรคในผู้หญิง ยังไม่ทราบแน่ชัด (ต่างจากภาวะนี้ในเพศชาย ที่ค่อนข้างทราบสาเหตุแน่ชัดค่ะ) ดังนั้นการรักษาอาจจะยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ส่วนการรักษาหมอแนะนำคร่าวๆดังนี้ค่ะ 1) ยาทา - minoxidil 2% ชนิดทา เป็นยาที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา - ยาทาทางเลือกอื่นๆ เช่น ยาทาที่มีส่วนผสมของ gensenosides, oligopeptide, allium cepa, green tea เป็นต้น ซึ่งมีหลายแบรนด์ที่มีส่วนผสมแตกต่างกันไปค่ะ 2) ยารับประทาน ยังไม่มียาที่ให้ผลดีที่สุด และยังมีผลข้างเคียงมาก ปกติในผู้หญิงมักจะยังไม่ต้องใช้ยาทานค่ะ ส่วนยาวิตามิน เช่น สังกะสี, ไบโอติน ยังไม่ได้เป็นการรักษาหลักค่ะ อาจทานเสริมได้ แต่วิตามินบางตัว ถ้าทานต่อเนื่องนานๆ อาจทำให้วิตามินชนิดอื่นต่ำลงได้นะคะ จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ค่ะ 3) การดูแลตัวเองโดยทั่วๆไป ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และ ดูแลสุขภาพหนังศีรษะ ไม่ให้มีรังแค ใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพผมและหนังศีรษะ, และรักษาโรคผิวหนังที่ศีรษะ เพื่อไม่ให้มีโรคร่วมที่ทำให้ผมร่วงมากขึ้นค่ะ สุดท้าย หมอแนะนำว่า ควรไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและหาสาเหตุที่แน่ชัด ไม่แนะนำให้ซื้อยาใช้เองตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ เพราะ ยาทุกตัวอาจเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ หมอศกุนี

  • Q เป็นหูดขึ้นที่เท้า
    17-08-2016 18:56:56

    อยากสอบถามค่ะว่าถ้าเป็นหูดขึ้นที่เท้าไม่ยุบสักทีเป็นก้อนเเข็ง เกิดจากสาเหตุอะไรค่ะเเล้วควรรักษาอย่างไรให้ถูกวิธีค่ะ


    19-08-2016 17:09:16

    หมอรบกวนขอรายละเอียดเกี่ยวกับอายุผู้ป่วย, ระยะเวลาว่ามีอาการมานานเท่าไหร่ เช่น กี่เดือน กี่ปี, ก้อนโตเร็วหรือไม่ และอยากทราบประวัติการรักษามาก่อนหน้านี้ค่ะ ว่าเคยรักษาอย่างไรมาบ้าง เพื่อที่หมอจะได้ให้คำแนะนำที่เหมาะสมค่ะ

Loading ...
Success